จับ"หยาง จือกัว" นายทุนขายยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ ยึดทรัพย์กว่า 50 ล้านบาท

           ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วยตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นำหมายจับศาลจังหวัดพัทยา เข้าจับกุมนายหยาง จือกัว ในข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาจําหน่ายโดยการร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และประสาทประเภท 1 (คีตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและเป็นการกระทําเพื่อการค้าและได้มีการกระทําความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ” และข้อหา “ รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทํา ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทําความผิดหรือเพื่อมิให้ผู้กระทําความผิด ร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดถูกลงโทษ ”

           โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2  เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการเข้าจับกุมสถานบริการ “คลับวัน” ที่พบยาเสพติดถูกทิ้งไว้เกลื่อนพื้น  เมื่อขยายผลกลุ่มผู้เสพและเครือข่ายที่นํายาเสพติดมาจําหน่ายในสถานบริการ  พบว่านายหยาง มีพฤติกรรม นําเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด มาซื้อบ้านหรูในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยเปิดเป็นบริษัท ซีแอนด์ เอฟ 112 พร๊อพเพอร์ตี้ จํากัด และบริษัทลัคกี้ หยาง จํากัด   แจ้งว่าประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฯ แต่ไม่พบการประกอบธุรกิจตามที่แจ้ง  และยังพบว่า นําเงินไปลงทุนในธุรกิจห้องคาราโอเกะ กับนายนิติพัฒน์ หรือเอี๋ยว   เจ้าของ “โบนผับ พัทยา” และ “คลับวัน” โดยจะรับนักท่องเที่ยวเฉพาะชาวจีนมาจัดปาร์ตี้ยาเสพติด  ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม “โบนผับ” มาหลายครั้ง

              โดยเฉพาะ ปี 2563 เจ้าหน้าที่ตํารวจได้จับกุมนายเจษฎาฯ หรือแจ็ค กับพวก รวม 44 คน จัดปาร์ตี้เสพยาเสพติด (แฮปปี้วอเตอร์) ซึ่งนายเจษฎา  รับว่าตนเองผสมยาเสพติดแฮปปี้ วอเตอร์ ให้กับนายนิติพัฒน์  นําไปจําหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” ต่อมาจับกุมนายนิติพัฒน์  กับพวก และตรวจยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ายาเสพติด รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท  ก่อนจะขยายผลพบว่า  นายหยาง จือกัว เป็นนายทุนให้กับนายนิติพัฒน์  นํายาเสพ ติดแฮปปี้วอเตอร์ ไปจําหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” และนํารายได้มาแบ่งกัน  จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์เครือข่ายนายหยาง 6 จุด แบ่งเป็นในจังหวัดชลบุรี 5 จุด กรุงเทพฯ 1 จุด  ยึดบ้านหรูพร้อมที่ดิน  รถยนต์  และเงินในบัญชี รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท