อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ สอบปากคำ ‘พัชรินทร์-หลิน’ ปมนอมินีตู้ห่าว - ทนายยันมีความสัมพันธ์แค่ผู้ร่วมธุรกิจ

โดย nattachat_c

7 ธ.ค. 2565

16 views

วานนี้ (6 ธ.ค. 65) เวลาประมาณ 11.00 น. ที่สโมสรตำรวจ นางพัชรินทร์ พร้อมนางสาว หลิน เลขาส่วนตัว และทนายความ เดินทางมาด้วยรถเบนซ์สีขาว เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีธุรกิจทุนจีนสีเทา เธอพูดกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า สามารถชี้แจงตำรวจได้ในทุกประเด็น


ขณะที่ทนายเปิดเผยว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ นางพัชรินทร์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่ชี้แจงเรื่องทรัพย์สิน และธุรกิจที่ทำ โดยยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจเต็มที่ และประเด็นที่สอบปากคำ คือ เรื่องที่เธอมีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท ที่มีชื่อนาย ตู้ห่าว เป็นประธานกรรมการ


ทั้งนี้ มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนจะเชิญอดีตตำรวจระดับสารวัตร ซึ่งเป็นพี่ชายของนาง พัชรินทร์ ที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทในธุรกิจของนายตู้ห่าว รวมทั้ง นางสาว สุชาดา ซึ่งเป็นหนึ่งกรรมการบริษัทเช่นกัน มาสอบปากคำวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม นี้ ทางพนักงานสอบสวนคาดว่าจะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้แล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ เพื่อสรุปส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า


ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมสอบสวนด้วย เปิดเผยว่าวันนี้ตำรวจได้เชิญนางพัชรินทร์ และน.ส.หลิน ซึ่งทั้งสองมีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งมีนายตู้ห่าวเป็นประธานกรรมการ โดยมีการสอบปากคำทั้ง 2 ราย ในฐานะพยานเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน เส้นทางการเงิน การเบิกจ่ายเงิน เนื่องจากทั้งสองเป็นเพื่อนกันมีการรับและเบิกจ่ายเงินเข้าออกของบริษัท โดยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 3-4 บริษัท ทำให้เชื่อว่ายังมีเงินสดตู้ห่าวอีกจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองคนเคยเข้าให้ปากคำและให้การเป็นประโยชน์ในทางคดี โดยเฉพาะประเด็นความสัมพันธ์กับนายตู้ห่าว


จากการสอบปากคำขณะนี้ ยังไม่พบความผิดปกติ แต่หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบอย่างละเอียดหากพบความผิดจะดำเนินการโดยไม่ละเว้น และเร่งรัดตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด


ส่วนอดีตตำรวจระดับสารวัตรและนางสุชาดาจะเข้าให้ปากคำในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ในประเด็นอำนาจหน้าที่ เส้นทางการเงิน ในฐานะที่มีรายชื่อกรรมการบริษัทของตู้ห่าว


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้เชิญตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และหัวหน้าสถานีกว่า 20 สถานีมาให้ปากคำ ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2563 เกี่ยวกับกลุ่มคนจีนสีเทา เรื่องผับจินหลิน ผับท็อปวัน คลับวัน และคนจีนที่เป็นนอมินีทั้งหมด รวมถึงที่มาขอวีซ่าคนจีนสีเทา หลังตรวจพบว่า ไม่มีการเดินทางเข้าออกประเทศ โดยมีเอเยนต์รับต่อวีซ่าและมีการเรียกรับผลประโยชน์รวมถึงใช้วีซ่าผิดประเภท อ้างว่าเป็นนักศึกษา โดยหลังจากนี้จะเข้าค้นมูลนิธิอีกกว่า 10 แห่ง ที่รู้เห็นในการกระทำผิดเอื้อประโยชน์เรื่องวีซ่า หากพบมีความผิดจะทำเรื่องส่งไปให้กระทรวงมหาดไทยสั่งปิดทันที


หลังให้ปากคำนานกว่า 8 ชั่วโมง นางพัชรินทร์และนางสาวหลินได้เดินออกมาจากห้องสอบสวน มีสีหน้าเคร่งเครียดและปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและเดินขึ้นรถไป


มีเพียง นายทวีศักดิ์ บุญธรรม ทนายความ ที่ออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า การสอบปากคำในวันนี้เป็นการให้ข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงินและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม ในฐานะผู้ถือหุ้นและกรรมผู้มีอำนาจในโรงแรม ซึ่งได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่าโรงแรมดีวาลักซ์ก่อตั้งถูกต้องตามกฏหมาย โดยกู้เงินมาจากธนาคาร 500 ล้านบาท ส่วนที่ดินตั้งโรงแรมเป็นของแม่


ส่วนความสัมพันธ์ของนางพัชรินทร์และตู้ห่าวเป็นเพียงผู้ร่วมธุรกิจกันเท่านั้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเหมือนที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนางพัชรินทร์รู้จักกับตู้ห่าวมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะตู้ห่าวทำธุรกิจทัวร์ ส่วนนางพัชรินทร์ทำธุรกิจโรงแรม จึงต้องมีการประสานงานกันตลอด


และที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่านางพัชรินทร์พยายามหลบหนีที่จะมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ ทนายความยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นางพัชรินทร์ไม่คิดที่จะหลบหนี ยังใช้ชีวิตตามปกติและพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ


หลังให้ปากคำเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค. 65) พนักงานสอบสวนยังไม่มีการนัดหมายสอบปากคำประเด็นอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด
---------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/vuW3-hTCfr8

คุณอาจสนใจ

Related News