ตร.เรียกสอบ ตม.20 แห่ง คดี "ตู้ห่าว" เรียก "พัชรินทร์" แจงที่มาทรัพย์สิน ลั่น พร้อมให้ข้อมูลทุกเรื่อง

ตร.เรียกสอบ ตม.20 เอี่ยววีซ่าทุนจีนสีเทา คดี "ตู้ห่าว" เรียก "พัชรินทร์" แจงที่มาทรัพย์สิน ลั่น พร้อมให้ข้อมูลทุกเรื่อง 

ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เรียกประชุมคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนกลุ่มทุนจีนสีเทามาประชุมถึงความคืบหน้าในการตรวจค้นจุดต่าง ๆ 26 จังหวัด ใช้เวลาการประชุมนาน 1 ชั่วโมง

ภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมในส่วนของฝ่ายสืบสวนทั้งหมด ที่ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบทั้งเรื่องของการขออนุญาตอยู่ต่อ การเปลี่ยนวีซ่า จากด่าน ตม. 26 จังหวัด โดยได้ข้อมูลจากกลุ่มผู้ต้องหาประมาณ 100 กว่าคน จากผับชาวจีนแห่งหนึ่ง ที่ใช้เป็นวีซ่าเป็นการศึกษา และเปลี่ยนวีซ่าเป็นประเภทต่างๆซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหา นายโทนี่ นายหยู ฉาง เฟย ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจอยู่แล้วว่า ได้เข้าประเทศไทยโดยใช้วีซ่าของตม.ไหนบ้าง โดยทำการเรียกหัวหน้าด่านทั้งหมดมาสอบปากคำ โดยจะดูว่ามีการขอวีซ่าถูกต้องหรือไม่ รวมถึงสถานศึกษาต่างๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร คาดว่าน่าจะพบการกระทำผิดมากพอสมควร ในวันนี้จึงเป็นการประชุมในเรื่องนี้ทั้งหมด

ล่าสุด นางพัชรินทร์ พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลในกรณีที่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท โดยมีนายตู้ห่าวเป็นประธานกรรมการ ระบุพร้อมให้ข้อมูลกับตำรวจส่วนรายละเอียดจะให้ทนายเป็นผู้ชี้แจง

ด้านทนายความ เปิดเผยว่า นางพัชรินทร์ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีทุนจีนสีเทาไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง โดยเป็นการชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทรวมทั้งที่มาของทรัพย์สินในการทำธุรกิจ ส่วนครั้งนี้นางพัชรินทร์ได้เดินทางมาเป็นครั้งที่ 3 พร้อมกับยืนยันว่ายินดีที่จะให้ข้อมูลกับตำรวจทุกเรื่อง

รองผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของนางพัชรินทร์ คนสนิทตู้ห่าว กับนางหลิน วันนี้ทางตำรวจได้เจอตัวทั้งสองคนแล้ว เดิมทีนัดจะมาพบกันวันอังคาร แต่เราได้เข้าไปตรวจสอบที่โรงแรมดีวาลักซ์ ก็ได้เจอตัวทั้งสองคน แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่พบการกระทำความผิด ซึ่งการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ โดยในวันอังคารนี้ทั้งสองยังคงมาตามหมายเรียกเหมือนเดิม แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ถ้าเกิดพบว่ามีความผิดก็จะต้องว่าไปตามกฎหมาย โดยมาในฐานะพยาน ทั้งสองได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต้องสอบปากคำก่อนว่ามีความผิดในส่วนไหน ถ้าไม่มีความผิดก็ไม่ดำเนินคดี ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองด้วย