อาชญากรรม

ชูวิทย์ ยื่นฟ้อง สันธนะ แจ้งความเท็จ กล่าวหาโรงแรมมั่วสุมเสพยาเสพติด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

โดย kanyapak_w

22 พ.ย. 2565

140 views

ชูวิทย์ ยื่นฟ้อง สันธนะ แจ้งความเท็จ กล่าวหาโรงแรมมั่วสุมเสพยาเสพติด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ท้าสันธนะให้กล้าเปิดหน้าสู้กันในศาล เตรียมยื่นหลักฐานให้เสรีพิศุทธิ์ ที่สภาฯ พรุ่งนี้ ขอให้รอดูแล้วจะรู้ว่าทำไมสันธนะถึงถูกให้ออกจากราชการ



เมื่อเวลา 09.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมด้วยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ในข้อหาแจ้งความเท็จ สร้างพยานหลักฐานเท็จ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีที่นายสันธนะ ได้ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ ว่าโรงแรมฯ ของนายชูวิทย์ มีการมั่วสุมยาเสพติดและเปิดเกินเวลา โดยฟ้องเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท



ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยเรื่องของมาเฟียจีนสีเทา จนนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี ซึ่งคู่วิวาทะโดยตรงไม่ใช่นายสันธนะ แต่อยู่ๆ นายสันธนะ ก็ไปประกันตัวคนจีน และยังไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ พร้อมภาพคลิปวิดีโอที่บอกว่าน่าจะมีการมั่วสุมยาเสพติดในโรงแรมฯ จนตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจค้น แต่เมื่อตรวจค้นแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นายสันธนะก็ยังไม่จบ ยังมีการกล่าวใส่ร้ายโรงแรมของนายชูวิทย์ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งการกระทำนี้ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทฯซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม รวมถึงนายชูวิทย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ถือเป็นการหมิ่นประมาท และมองว่าเป็นการตอบโต้แทน ทั้งที่บุคคลที่โดนแฉก็ยังไม่เห็นตอบโต้อะไร



ดังนั้น นายชูวิทย์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ เป็นโจทก์ที่ 1 และนายชูวิทย์ เป็นโจทก์ที่ 2 จึงได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับนายสันธนะ เป็นจำเลยในข้อหาแจ้งความเท็จให้ผู้อื่นรับโทษอาญา ทั้งที่ไม่มีการกระทำผิดเกิดขึ้น ข้อหาสร้างพยานหลักฐานเท็จ จากการถ่ายวิดีโอมามอบให้ตำรวจ ให้หลงเชื่อว่ามีการมั่วสุมยาเสพติด และข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีที่ไปให้ข่าวให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดความเสียหายต่อโรงแรม โดยเรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลได้นัดไต่สวนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566



และในวันนี้ ตนยังได้นำพระองคุลิมาลมาด้วย เพราะมองว่ามีความคล้ายกันกับนายชูวิทย์ ที่กลับตัวกลับใจลาวงการ มาเปิดเผยข้อมูลทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ตีแผ่ธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ตนตัดสินใจมาทำคดีให้นายชูวิทย์



ขณะที่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนออกมาพูดก่อนหน้านี้ สาระสำคัญ คือ เรื่องมาเฟียจีนสีเทา แต่อยู่ๆ นายสันธนะ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ ก็เข้ามาที่โรงแรมของตน และมาให้ร้ายป้ายสี ไปแจ้งความให้ตรวจสอบ อีกทั้งช่วง 2-3 วันนี้ ก็ยังออกมาพูดเรื่องสถานบริการอาบอบนวด ที่ตนได้ขายไปหมดแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2546-2547 แต่นายสันธนะก็ยังเอามาพูดว่าตนไม่เสียภาษี ทั้งที่ไม่ได้รู้ความจริง ว่าทุกสถานบริการ ไม่ได้มีที่ดินที่ตนเป็นเจ้าของเองเลย แต่ตนเช่าที่ และได้ขายหุ้นไปหมดแล้ว



ทั้งนี้ เรื่องที่นายสันธนะเอาออกมาพูด ตนไม่อยากตอบโต้มาก แต่ตนจะสู้ด้วยการใช้กฎหมาย และขอให้นายสันธนะเปิดหน้าสู้ อย่าใส่กระโปรงสู้ ก่อนหน้านี้ตนจะสู้แบบนักเลง นายสันธนะก็ไม่กล้า กวักมือเรียกก็ถอย จึงต้องมาสู้ในศาล หวังว่านายสันธนะจะไม่หนี และอย่าทำเหมือนว่าตัวเองใหญ่โต ทั้งที่จริงๆ ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย อยู่ใกล้ต้องฉีดยา แม้แต่ตำรวจด้วยกันก็ไม่เอา



และหากตนสามารถฟ้องร้องคดีนี้จนได้ค่าเสียหาย 100 ล้าน ตนจะนำเงินทั้งหมดไปทำบุญมอบให้กับโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ไม่เก็บไว้เองแม้แต่บาทเดียว ส่วนพระองคุลิมาลที่ทนายอนันต์ชัยมอบให้ ตนชื่นชอบ เพราะกลับตัวกลับใจแล้ว และขอถามกลับว่า สันขวานกลับใจหรือยัง ถ้ากลับใจแล้ว จะมอบพระให้อีกองค์



และในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.30 น. ตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา เพื่อมอบหลักฐานให้พลตำรวจเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งขอให้รอดูหลักฐานที่ตนจะยื่นแล้วจะรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรนายสันธนะถึงถูกไล่ออกจากราชการตำรวจ ส่วนในวันนี้ หากนายสันธนะจะตามมาพบ ตนก็ขอให้มาได้เลย เพราะวันนั้นที่เจอกันที่ สน.ทองหล่อ ก็ทำเก่งทุกประตู แต่พอตนออกมาก็ไม่เห็นทำอะไร วันนี้ถ้าจะมาเจอในศาลก็ไม่เป็นอะไร ตนจะทำแบบนี้ให้ (ทำท่าตบหัว)



เมื่อสอบถามถึงประเด็นที่ก่อนหน้านี้ นายสันธนะ เคยระบุว่า นายชูวิทย์มีนายทหารระดับสูงอยู่เบื้องหลังนั้น นายชูวิทย์ระบุว่า ขอให้นายสันธนะพูดชื่อออกมาให้ชัดๆ เลย ไม่ใช่พูดแต่ทำให้คนอื่นเสียหาย





คุณอาจสนใจ

Related News