อาชญากรรม
ตำรวจไซเบอร์ทลายเครือข่ายค้าบุหรี่ไฟฟ้า ไทย-มาเลเซียรายใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
โดย nattakarn_l
17 พ.ย. 2565
261 views
พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ , ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าบุหรี่ไฟฟ้า ไทย-มาเลเซียรายใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
โดยปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้รับแจ้งจากประชาชน ว่ามีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า มาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการขายสินค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่องห้ามขาย หรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า
สคบ. จึงประสานความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ให้สืบสวนตรวจสอบ จนทราบว่ามีการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากจากต่างประเทศ มาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในเพจเฟซบุ๊ก , เว็บไซต์ รวมถึงช่องทางอินสตราแกรม โดยใช้วิธีขนส่งผ่านทางไปรษณีย์ไทย อำพรางเป็นพัสดุไปรษณีย์ สำแดงเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ส่งจากอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มาที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จึงเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าไทย-มาเลเซียรายใหญ่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เข้าตรวจค้นทั้งหมด 3 จุด
จุดแรก คือ ที่ทำการไปรษณีย์หนองแค สามารถจับกุมนายสันติ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นผู้ไปรับพัสดุที่ทำการไปรษณีย์หนองแค ยึดของกลาง คือ น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวนประมาณ 64,000 ชิ้น รวมมูลค่า 13 ล้าน 5 แสนบาท เบื้องต้น นายสันติ รับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างจากนางสาวมิกซ์ ให้มารับพัสดุ เพื่อนำไปส่งที่บ้านเลขที่ 89/37 ในตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ตำรวจจึงแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งห้ามขาย หรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า
จุดที่ 2 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 89/37 ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ตามหมายค้น โดยพบของกลาง คือ บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 160,000 ชิ้น มูลค่า 37 ล้านบาท ซึ่งบ้านหลังดังกล่าว ถูกใช้เป็นสถานที่เก็บบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์
จากการสืบสวนขยายผล พบว่า ยังมีบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวนหนึ่ง กำลังจะส่งไปที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี แต่พัสดุดังกล่าวยังอยู่ที่ศูนย์ไปรษณีย์พระนครศรีอยุธยา เพื่อรอนำจ่าย ตำรวจจึงไปตรวจค้นเป็นจุดที่ 3 พบว่า พัสดุดังกล่าว ระบุชื่อผู้รับคนเดียวกันกับพัสดุที่ยึดได้ที่ไปรษณีย์หนองแคก่อนหน้านี้ และเมื่อตรวจสอบพัสดุก็พบว่า มีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า / อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า (Pod) กว่า 3 หมื่นชิ้น มูลค่า 7,500,000 บาท จึงอายัด ของกลางทั้งหมดไว้ สรุปผลการปฏิบัติการในครั้งนี้ สามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาทด้วยกัน
จากนั้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้ขยายผลและนำกำลังเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมเป็นจุดที่ 4 ที่ไปรษณีย์ไทย หลักสี่ โดยพบของกลางเพิ่มเติมอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ทำให้มูลค่าของกลางรวมแล้วกว่า 80 ล้านบาท จึงฝากเตือนไปยังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ลักลอบจำหน่าย หรือผู้เสพบุหรี่ไฟฟ้า ล้วนมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวอาชญากรรม ,บุหรี่ไฟฟ้า ,ตำรวจไซเบอร์