อาชญากรรม

ทนายษิทรา ร้อง ผบ.ตร. ตรวจสอบนายตำรวจ ระดับ ผกก.สภ.ทุ่งหลวงพร้อมพวก ปมรับผลประโยชน์จากสถานบันเทิง

โดย kanyapak_w

8 พ.ย. 2565

340 views

ทนายษิทรา ร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบนายตำรวจ ระดับ ผกก.สภ.ทุ่งหลวงพร้อมพวก หลังเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการสถานบันเทิง



วันนี้(8 พ.ย.65) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของสถานบริการแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑลสาย 4 อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกับตำรวจ 2 นาย ตำแหน่ง ผู้กำกับการ สภ.ทุ่งหลวง จังหวัดราชบุรี และ ตำรวจยศสิบตำรวจเอก ประจำกองกำกับการสืบสวนภาค 7 ช่วยราชการ สภ.ทุ่งหลวง หลังมีพฤติการณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวและแทรกแซงกิจการร้านดังกล่าว จนได้รับความเสียหาย ต้องปิดกิจการ



นายษิทรากล่าวว่า ร้านดังกล่าวเป็นร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ลูกค้าทั่วไป แต่ผู้กำกับคนดังกล่าวให้ภรรยาเข้ามามีชื่อถือหุ้นแทน อัตราส่วน 3% และให้สิบตำรวจเอกเข้าไปเป็นผู้ดูแลกิจการทุกวัน โดยอ้างว่ากำลังจะย้ายมาเป็นผู้กำกับการที่สถานีตำรวจในพื้นที่ ทำให้ทางร้านกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องยอมให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วน



หลังจากนั้นตำรวจนายนี้ก็มักจะมีการพาแขกหรือเพื่อนฝูงเข้ามารับประทานอาหารจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ฟรี สร้างความเสียหายให้กับทางร้านเดือนละกว่า 100,000 บาท และยังมีการเบิกเงินจากร้านเดือนละ 30,000 บาท อ้างว่าต้องเอาไปจ่ายให้กับบุคคลต่างๆ ซึ่งทางร้านก็ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด ซึ่งจำนวนเงินที่ทางร้านได้รับความเสียหายให้กับตำรวจกลุ่มนี้มานานกว่า 3 ปี มากกว่าส่วนแบ่งเงินปันผลจากหุ้น 3% ที่ตกอยู่เพียงหลักหมื่น ทำให้ทางร้านต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและประสบปัญหาขาดทุนเป็นประจำ



ต่อมาภรรยาของตำรวจนายนี้ได้ขายหุ้นให้กับบุคคลอื่น แต่เมื่อขายหุ้นไปแล้วกลับให้ผู้ดูแลเพจของทางร้านประกาศลงเพจว่าร้านปิดปรับปรุง ทั้งที่เจ้าของร้านและหุ้นส่วนคนอื่นไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด ทำให้พนักงานไม่มาทำงาน ลูกค้าไม่มาใช้บริการ ทำให้ร้านได้รับความเสียหาย ขาดทุนมากยิ่งขึ้น จนต้องปิดกิจการลง และเริ่มประกาศขายร้านเมื่อวานนี้



ดังนั้นจึงต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงกิจการลักษณะนี้ถือว่าผิดวินัยหรือไม่ นอกจากนี้การกระทำของภรรยาผู้กำกับที่ให้ผู้ดูแลเพจ โพสต์ข้อความร้านปิดปรับปรุง ถือว่าเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งก็เตรียมจะดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย





คุณอาจสนใจ

Related News