อาชญากรรม

จ่อออกหมายจับ! แก๊งค้ายาอาวุธครบมือ ปล้นปืน-ยาบ้า 2 หมื่นเม็ด ก่อนฉกรถเจ้าหน้าที่ขับหลบหนี

โดย petchpawee_k

21 ต.ค. 2565

5 views

จากกรณีกลุ่มคนร้ายกว่า 20 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกปล้นของกลางยาบ้าและอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ระหว่างเดินทางนำตัวผู้ต้องหาไปขยายผล เหตุเกิดที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เมื่อคืนวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ปล้นอาวุธปืนประจำกายขนาด 9 มม. ของเจ้าหน้าที่ไป 5 กระบอก พร้อมรถเก๋ง 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และยาบ้าของกลาง 10 มัด จำนวน 20,000 เม็ด แต่ไม่ได้ตัวผู้ต้องหาไป เพราะอยู่ในรถอีกคัน


ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกเกิดเหตุอีก 1 ชุด และเป็นกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดอยู่ที่บริเวณปากซอยทางเข้าจุดเกิดเหตุ ห่างจุดที่คนร้ายชิงของกลางจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองราว 50 เมตร


โดยภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 18 ต.ค. เวลาประมาณ 19.49 น. จะเห็นรถเก๋ง 1 คัน คาดว่า เป็นรถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ขับเข้าไปภายในซอยตามเวลานัด จากนั้นไม่ถึงนาที จะเห็นรถเก๋งสีขาว ซึ่งคาดว่า เป็นรถของคนร้ายขับตามเข้าไป และคาดว่า รถของคนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ภายในซอยอีกส่วนหนึ่งได้เริ่มขับรถปิดล้อม และลงมือก่อเหตุ


และต่อมาในเวลา 19.53 น. จะเห็นรถของผู้ต้องสงสัยที่คาดเป็นคนร้ายขับรถตามกันออกมาประมาณ 3-4 คัน ออกจากซอยดังกล่าว และมุ่งหน้าหลบหนีไปทางขาเข้า อ.รัตภูมิ


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำทั้งปลัด และ อส. อีก 5 นาย รวมทั้งผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่ถูกจับกุมได้เสร็จสิ้นไปเมื่อคืนวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พอที่จะทราบกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุแล้ว โดยเป็นกลุ่มนักค้ายาเสพติดเครือข่ายในในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุบางส่วนในเร็วๆ นี้


นอกจากนี้จากการไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ก็พอที่จะทราบเบาะแสของรถเก๋ง ยี่ห้อมิตชูบิชิ รุ่นมิราช สีดำ ทะเบียน กจ-5064 กทม. ของปลัดที่เป็นหัวหน้าชุดแล้วเช่นกันว่า น่าจะไปซ่อนไว้ในพื้นที่ใด



ขณะที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 ต.ค.) ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังได้เดินทางตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุบริเวณใกล้ทางแยกศาลาเขียว  โดยมีหัวหน้าชุดปฏิบัติการ อส. ร่วมอธิบาย และเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 โดยยืนยันว่า ในคืนเกิดเหตุมีการติดต่อล่อซื้อยาจากเครือข่ายค้ายาเสพติดจริง แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ ทำให้ผิดแผนการทำงาน  ซึ่งในจังหวะเกิดเหตุนั้นได้ประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้วว่าตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ จึงไม่ได้ขัดขืน ทำให้ไม่เกิดความรุนแรงขึ้น


นอกจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนหนึ่งที่หัวหน้าชุดปฏิบัติการ อส. เล่าให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ฟังในประเด็นที่กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดได้บังคับให้ขึ้นรถยนต์กระบะออกจากพื้นที่ แต่เกิดความผิดพลาด ทำให้ต้องยอมปล่อยตัวระหว่างทาง ซึ่งอาจจะมาจากตอนที่ได้เห็นบัตรเจ้าหน้าที่ ปปส. จึงคิดว่า หากก่อเหตุไปมากกว่านี้ อาจจะกลายเป็นเรื่องรุนแรงบานปลายกันไปใหญ่ จึงยอมปล่อยตัว


ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุรายแรก รวมทั้งจะทำการตรวจสอบบัญชีธนาคาร และเส้นทางการเงินของทั้งปลัดหัวหน้าชุด และ อส. 5 นาย รวมทั้ง นายธนกร ผู้ต้องหาที่จับได้ก่อนหน้านี้ ว่ามีพิรุธ หรืออาจจะมีความเชื่อมโยงไปถึงใครด้วยหรือไม่


ขณะที่เมื่อวานนี้ เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ลงพื้นที่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9  และร่วมแถลงถึงความคืบหน้าในคดี  โดยเปิดเผยว่า คดีตำรวจได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในการประสานการทำงานร่วมกัน และมีคืบหน้าไปพอสมควร กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาล จ.สงขลา ออกหมายจับบางส่วน โดยต้องรอข้อมูลด้านเทคนิค และข้อมูลจากฝ่ายปกครองในพื้นที่ประกอบคดี โดยกลุ่มคนร้ายเป็นไปได้ว่า มีทั้งคนในพื้นที่ และจากนอกพื้นที่


อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ของคนร้ายในการก่อเหตุนั้น เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง คือ การบุกชิงตัวผู้ต้องหา หรืออาจจะต้องการชิงยาบ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังไม่สามารถชี้ชัดได้จนกว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายมาสอบสวน


และในทางการสอบสวนยังไม่ความผิดปกติอะไรจากการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครองชุดนี้ แม้การจับกุมยาเสพติดเคสนี้ จะไม่มีการประสานกับตำรวจ แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อมีสายรายงานเข้ามา ก็ต้องรีบดำเนินการทันที อย่างไรก็ตามยังคงต้องสอบปลัด และ อส. 5 นาย เพิ่มเติมในรายละเอียดต่างๆ ของเหตุการณ์นี้


ขณะที่ นายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฝ่ายปกครอง จ.สงขลา ชุดนี้ ซึ่งตนตั้งขึ้นมาเองเมื่อปี 64 ตอนที่มารับตำแหน่งผู้ว่าราชการ จ.สงขลา มีผลงานการจับกุมยาเสพติดมาตลอด และทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ไม่เคยได้รับการร้องเรียนจากการปฏิบัติหน้าที่ในทางลบ และทุกครั้งก็จะรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบ รวมถึงเหตุการณ์นี้ ก็รายงานการจับกุมมาตั้งแต่ต้นแล้วเช่นเดียวกัน


ขณะเดียวกัน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งให้ตรวจสอบ และได้รับรายงานจาก นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ทำหนังสือชี้แจงแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นไปตามข่าวที่ออก ทั้งนี้ชุดปฏิบัติการชุดนี้ ที่ผ่านมามีผลงานดีมาโดยตลอด ครั้งแรกประสบความสำเร็จในการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 2 หมื่นเม็ด พร้อมตัวผู้ต้องหา จากนั้นได้ขยายผล ติดต่อซื้อจากผู้ค้ารายใหม่ เป็นยาไอซ์ และนัดส่งมอบ พร้อมจะจับกุม แต่ปรากฎว่า ถูกซ้อนแผนแต่ตัวผู้ต้องหาที่จำหน่ายยาบ้ายังอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่อยู่ เชื่อว่าจะมีเบาะแส ร่องรอยให้ขยายผลไปได้


“นี่เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า เป็นเหตุสุดวิสัย ถามว่าทีมนี้ประสบการณ์น้อยไหม ยืนยันว่าเป็นทีมคุณภาพ มีผลงานปราบปรามยาเสพติดมาก แต่ปัจจัยเสี่ยงของพวกเรา คือ กำลังพลน้อย และข้อจำกัดเรื่องอาวุธ เครื่องมือสื่อสาร ทำให้คนร้ายฮึกเหิม เพราะรู้สภาพทีมของเรา มีกำลังไม่เยอะ ดังนั้นย้ำว่า เมื่อเราทำงานสำเร็จ นำมาเป็นบทเรียน และเมื่อทำงานผิดพลาด หรือล้มเหลว มีเหตุขัดข้อง ก็ต้องนำมาถอดบทเรียน แก้ไขจุดอ่อน ปรับปรุงในการทำงานให้รัดกุมมากขึ้น ”


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/TScYZ3H0Sys

คุณอาจสนใจ

Related News