อาชญากรรม

เร่งล่า 'บังญา' หลอกสาวลาวทำงาน ก่อนทำร้ายขืนใจ ยึดทรัพย์สิน ซ้ำขู่ยิงให้ตาย

โดย nattachat_c

29 ก.ย. 2565

32 views

วานนี้ (วันที่ 28 ก.ย.) นายเอ พร้อมนางสาวบี สัญชาติลาว เดินทางเข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือในการดำเนินคดีกับชายรายหนึ่ง หลังถูกชายรายนี้ ใช้กำลังและอาวุธปืนข่มขู่ และข่มขืน ขณะที่เดินทางไปขอสมัครงาน ย่านบางบัวทอง


โดยนายเอ ระบุว่า น้องสาวได้เข้ามาหางาน และมีพี่สาวได้เป็นคนโพสต์เฟซบุ๊กหางานในกลุ่มคนลาวหางาน ก่อนที่ต่อมาผู้ก่อเหตุจะทักมาและเสนองานที่ร้านข้าวหมกไก่ พร้อมเสนอเงินให้เดือนละ 9,000-13,000 บาท พร้อมดูแลค่าที่อยู่และค่ากินทั้งหมด น้องสาวจึงตัดสินใจเดินทางไปตามที่นัดหมายในเวลา 15.00 น. ของวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา


เมื่อเดินทางไปถึงผู้ก่อเหตุได้เดินทางมารับ และพาเข้าไปที่ห้องพัก เมื่อน้องสาวเข้าห้องผู้ก่อเหตุก็เริ่มใช้กำลังบังคับขืนใจ ข่มขื่นโดยในมือมีการใช้อาวุธมีดจี้ที่คอ และขู่ว่าจะฆ่าให้ตายหากพยายามดิ้นหรือขัดขื่น ซึ่งขณะที่ข่มขืนยังได้มีการใช้มือถือถ่ายคลิปเอาไว้ด้วย รวมถึงผู้ก่อเหตุยังใช้กำลังบังคับยึดโทรศัพท์มือถือ หนังสือเดินทาง และทรัพย์สินอื่นๆ ที่ติดตัวไปไว้กับตนเอง


และเมื่อเสร็จสิ้นการข่มขื่น ก็ไล่ให้น้องสาวตนเองไปอาบน้ำ ซึ่งขณะน้องสาวอาบน้ำผู้ก่อเหตุก็ยังได้แอบถ่ายคลิปเก็บไว้อีก ซึ่งน้องสาวตนเองได้พยายามหาทางขอความช่วยเหลือ โดยใช้โอกาสในช่วงที่ผู้ก่อเหตุตายใจ จึงมีการขอโทรศัพท์ของน้องสาวโดยอ้างว่าจะเล่นเกมส์


ซึ่งผู้ก่อเหตุชะล่าใจส่งมือถือให้น้องสาว จึงส่งข้อความขอความช่วยเหลือมาเป็นเวลาเดียวกันกับที่ตนเองได้พยามติดต่ออยู่ก่อนแล้ว เพราะตั้งแต่น้องสาวเดินทางไปหานายจ้างก็ไม่สามารถติดต่อได้


เมื่อตนเองได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจากน้องสาว จึงได้เริ่มประสานขอความช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนจนมีรุ่นพี่คนไทยคนหนึ่งช่วยเดินเรื่องประสานติดต่อตำรวจ จนตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือน้องสาวได้ในช่วงตีหนึ่งของคืนวันเดียวกัน


ซึ่งหลังจากช่วยเหลือน้องสาวออกมาได้ น้องสาวยังได้เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากถูกข่มขืนในช่วงบ่ายสา มและน้องสาวได้ใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความ ขอความช่วยเหลือผู้ก่อเหตุยังใช้กำลังข่มขืนอีกครั้งในช่วงสองทุ่ม พร้อมกับข่มขู่อีกว่า หากพยายามจะหลบหนี จะใช้อาวุธปืนยิงและฆ่าให้ตาย


โดยหลังจากตำรวจสามารถนำตัวน้องสาวออกมาจากผู้ก่อเหตุ ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ.บางบัวทอง ซึ่งตำรวจได้มีการส่งตัวน้องสาวไปทำการตรวจร่างกาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลแต่เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า พบร่องรอยการถูกข่มขืน และทำร้ายร่างกายหลายจุด ทั้งที่บริเวณลำคอก็พบรอยเขียวช้ำ เพราะถูกบีบคอจากผู้ก่อเหตุ


ขณะที่ผู้ก่อเหตุตำรวจยังไม่สามารถดำเนินการจับกุมตัวได้ เพราะขณะที่มีการเข้าไปช่วยเหลือน้องสาวผู้ก่อเหตุยังคงอยู่ในบ้านพักอาศัยของตนเอง ทำให้ตำรวจไม่มีอำนาจในการจับกุมตัวเนื่องจากเป็นยามวิกาล และจุดประสงค์คือต้องการช่วยเหลือน้องสาวออกมาให้พ้นเงื้อมมือของผู้ก่อเหตุก่อน


สำหรับผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ มีรายงานว่า ชื่อบังญา ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลเกี่ยวกับชื่อและนามสกลุจริงทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย อยู่ระหว่างการรอเรียกผู้เสียหายไปแจ้งความและ สอบปากคำเพื่มเติม


ล่าสุด ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายเอกภพ พร้อมด้วยผู้เสียหายและพี่ชาย เดินทางไปที่ ตลาดพิมลราช ย่านบางบัวทอง ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านพักแห่งหนึ่งในชุมชนมัสยิดอีกอม่าตุ้ลอิ้สลาม (โรงกระโจม) ที่เป็นจุดเกิดเหตุ ที่สาวลาวถูกบังญา นายจ้างที่หลอกว่าจะจ้างงานให้ทำร้านอาหารแต่กลับพามาข่มขื่น ก่อนที่ตำรวจจะเข้าข่วยได้ในช่วงกลางดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


นายวัชรินทร์ แสงวิมาน สมาชิกเทศบาลพิมลราช ระบุถึงกรณีนี้ว่า ผู้ก่อเหตุอยู่ที่ชุมชนนี้จริง แต่ตอนนี้ยังไม่พบผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลักเกณฑ์ศาสนาอิสลาม ถือว่าการข่มขืนเป็นความผิดที่ร้ายแรง รวมถึงความผิดอื่นๆ เช่น การดื่มสุรา ยาเสพติด และผิดประเวณี


โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่วากัฟ เหมือนพื้นที่วัดของศาสนาพุทธ ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการต่อจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชุมชน พร้อมเรียกครอบครัวผู้ก่อเหตุมารับฟัง หากมีความผิดจริงจะมีบทลงโทษอย่างเด็ดขาด


นายบุญมี นาทอง อิหม่ามประจำมัสยิด ระบุว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงจะมีบทลงโทษตามศาสนาอิสลาม ผู้ที่ทำผิดหรือบริวารจะไม่สามารถอยู่ในที่ดินแห่งนี้ได้อีก ต้องยกเลิกสัญญาการพักอาศัย ซึ่งจะต้องเรียกสอบสวนบุคคลอื่นในบ้านด้วยเช่นกัน ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เหตุเกิดในบ้านแต่บุคคลอื่นจะไม่ทราบ ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุนี้ในชุมชนมาก่อน  


โดยพ่อของผู้ก่อเหตุ ระบุว่า ลูกชายตัวเองขายข้าวมันไก่โดยเป็นร้านรถเข็น แต่เมื่อวานกลับบ้านมาก็ไม่พบกับลูกชายแล้ว ยอมรับว่าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่เห็นลูกชายรับคนงานมาหลายคน ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน


ถ้าได้เจอตัวลูกชาย ก็อยากให้เขาได้มาชี้แจง เพราะตนก็ติดต่อเขาไม่ได้ ผิดถูกก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายมาพบว่าถูกข่มขื่นจริง ตนเองไม่ทราบต้องรอถามลูกชายตนเองก่อนว่าเป็นคนทำหรือไม่ หรือผู้เสียหายไปหลับนอนกับใครมาก่อนหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ


ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุ ผู้เสียหายยืนยันว่าบ้านแห่งนี้คือจุดเกิดเหตุจริง โดยในวันที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุพาผู้เสียหายมาที่บ้านหลังนี้และอยู่กันเพียง 2 คนตามลำพังเท่านั้น ซึ่งจากการพาผู้เสียหายเข้าไปตรวจสอบในห้องก็สามารถยืนยันจุดเกิดเหตุได้อย่างชัดเจนตรงตามหลักฐานที่ผู้เสียหายได้แอบถ่ายไว้


ส่วนในจุดเกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่า มีกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณหน้าบ้าน แต่การเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ไม่มีการบันทึกในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่ง หน่วยความจำของกล้องที่บันทึกไว้ล่าสุดคือปี 2014


โดยต่อจากนี้คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ว่า ร่องรอยการข่มขืนและคราบอสุจิที่ตรวจพบ จะตรงกันกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ โดยต่อจากนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการดูจุดเกิดเหตุ ตนเองจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง พร้อมขอให้ทางตำรวจเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว


ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า พฤติการณ์ของบังญารายนี้ มักมีพฤติการณ์เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงและความรุนแรง เพราะก่อนหน้านี้ผู้นำทางศาสนาก็เคยเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหากับภรรยาเก่าคนแรก ที่มีปัญหาทำร้ายร่างกายกัน จนฝ่ายหญิงขอแยกทาง แต่นายบังญาไม่ยอม จนทำให้ต้องมีตัวกลางทางชุมชนมาช่วยเคลียร์ปัญหา ก่อนจะกลับเพราะมีปัญหากับภรรยาคนที่สองในลักษณะเดียวกัน


ส่วนนิสัยใจคอไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันในชุมชน เพราะไม่ค่อยยุ่งกับเพื่อนบ้านและคนในชุมชน เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงตามคำที่ผู้เสียหายบอกเล่า เพราะได้เห็นหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายที่ผู้เสียหายถ่ายไว้ในวันถูกก่อเหตุ ก็ตรงกลับภายในห้องเกิดเหตุ รวมถึงนิสัยใจคอเท่าที่ตนเองเคยสัมผัสและได้ยินมา ก็เชื่อว่าบังญาน่าจะก่อเหตุจริงๆ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7kItND-ANFw




คุณอาจสนใจ

Related News