อาชญากรรม

ครูทำร้ายร่างกายนร.วัย 12 ฉุน ถูกเรียก "ไอ้" ผอ.ยื้อไม่ยอมให้ดูกล้องวงจรปิด อ้าง พ่อแม่ต้องทำเป็นเอกสารยื่นเรื่อง

โดย kanyapak_w

26 ก.ย. 2565

5K views

เผย คลิปเสียงครูประจำชั้น สอบสวนในเชิงให้เด็กรับผิด หลังรู้ว่าเด็กเรียกครู “ไอ้เบิร์ด” ขณะ ผอ.ยื้อไม่ยอมให้ดูกล้องวงจรปิด อ้าง พ่อแม่ต้องทำเป็นเอกสารยื่นเรื่องขอเข้ามาดูพร้อมผู้เชี่ยวชาญ จึงสุดทน ร้องสื่อฯ ขอความเป็นธรรม




เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 22 ก.ย. น.ส.พรนภา อายุ 29 ปี แม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) เด็กที่ถูกครูทำร้าย อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พาน้องเอ เข้าพบสื่อมวลชน เพื่อขอให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงทวงความเป็นธรรม สาเหตุจากการถูกครูสอนวิชาพละศึกษา ของโรงเรียนฯ ดังกล่าว ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้มือตบไปที่หัว ใบหน้า ปาก ของเด็ก และยังลากคอเสื้อเด็กเข้ามาใกล้ พร้อมพูดข่มขู่ ท้าให้ไปฟ้องพ่อแม่มาเอาเรื่องที่โรงเรียนได้เลย



จากนั้น บังคับให้เด็กนั่งลงกับพื้น ใช้มือตบซ้ำอีกรอบ จนเด็กได้รับบาดเจ็บมึนหัว ปวดบริเวณใบหน้า ปาก และมีรอยช้ำที่หน้าอก พร้อมโชว์เอกสารการตรวจร่างกาย จากโรงพยาบาลบางบ่อ ซึ่งแพทย์ระบุข้อความ มีรอยช้ำบริเวณหน้าอกส่วนบน




จากการสอบถาม น้องเอ กล่าวว่า “กลัวไม่อยากไปโรงเรียน” และชี้จุดที่ถูกครูทำร้ายฯ พร้อมเล่าเหตุการณ์วันที่ครูพละศึกษาชื่อ ครูเบิร์ดทำร้ายร่างกาย โดยวันนั้น เป็นชั่วโมงชุมนุม ซึ่งจะปล่อยให้เด็กนักเรียนทำกิจกรรมในโดมขนาดใหญ่ เล่นกีฬา ตนได้เล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อน ๆ และ มีเพื่อนผู้หญิง มาขอยืมลูกตะกร้อของตนไปเล่น สักครู่ลูกตะกร้อ ถูกครูเบิร์ดยึดไป และเรียกตนให้เข้าไปหา สอบถามว่าเอาลูกตะกร้อมาจากไหน เป็นของโรงเรียนใช่หรือไม่ ตน บอกว่า เป็นของตน มีคนให้มา แต่ครูไม่เชื่อ จึงสอบถามเรื่องราคาและเข้าไปค้นหาในลาซาดา แล้วยึดลูกตะกร้อของตนไป ทำให้ตนไม่พอใจ รู้สึกกระวนกระวาย



เมื่อถึงเวลาเข้าแถวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ตน ได้บอกกับเพื่อนว่า “เก้า ไอ้เบิร์ด มันเอาลูกตะกร้อของ -ูไปแล้ว ” จากนั้น มีเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ได้ไปฟ้องครูเบิร์ด ว่า ตนด่าครู ว่าไอ้ เ-ี้ย เบิร์ด ครูเบิร์ด จึงเรียกตนเข้าไปหา ถามว่าด่าครูจริงไหม ตน บอกว่าจริง (เด็กเข้าใจว่า คำว่า “ ไอ้ ” คือ คำด่า จึงตอบครูไปว่าจริง) ครูเบิร์ดจึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายตนทันที โดยการ ตบหัว ตบปาก ใช้หลังมือตบหน้า กระชากคอเสื้อ บังคับให้นั่งลงกับพื้น แล้วตบซ้ำอีกรอบ จนพอใจ พร้อมข่มขู่ท้าให้เด็กไปฟ้องพ่อแม่ อีกด้วย




ขณะที่ครูเบิร์ด ลงมือทำร้ายร่างกายของน้องเออยู่นั้น ญาติ(พี่สาวอายุ 14 ปี) ของน้องเอ ยืนอยู่ใกล้ ๆ และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อกลับถึงบ้านได้นำเรื่องไปเล่าให้กับยายและป้าฟัง จากนั้น ป้า ได้บอกให้พ่อแม่น้องเอ รู้เรื่องที่เกิดขึ้น พ่อแม่จึงบอกน้องเอ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง




น.ส.พรนภา อายุ 29 ปี แม่ของ ด.ช.เอ กล่าวว่า หลังจากสอบถามลูกชายจนรูเรื่องทั้งหมด เช้าได้เข้าไปที่โรงเรียนฯ พบกับ ผอ.ร.ร.วัดบางบ่อ ได้มอบหมายให้คุยกับ รอง ผอ.ฯ และครูประจำชั้น แต่ก็ยังไม่ได้รับรายละเอียดอะไรมากนัก และนัดหมายให้ไปดูกล้องวงจรปิดอีกครั้งในวันถัดไป




ในส่วนของ นายศุภรัก อายุ 42 ปี (พ่อของน้องเอ) กล่าวว่า ผอ.โรงเรียนฯ ถามว่า ถ้าหากพบกับครูเบิร์ด และได้รับคำขอโทษจากครู จะยอมยกโทษและจบเรื่องหรือไม่ ตน คิดว่า คนเป็นครูไม่ควรจะมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเด็กแบบนี้ ถ้าเด็กทำผิด มาแจ้งผู้ปกครองให้ทราบเรื่องก่อน หรือมีวิธีทำโทษที่เหมาะสม ตนก็ไม่ติดใจอะไร แต่มาทำร้ายร่างกายเด็กแบบนี้ ตนรับไม่ได้ และในวันถัดไป ผอ.ได้นัดหมายให้ ตนเข้าไปคุยตกลงในรายละเอียด พร้อมจะเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้ดูด้วย หากได้คุยกันและได้รับความเป็นธรรมอย่างเหมาะสม ตนก็จะไม่เอาเรื่องกับครู แต่หากผลการคุยไม่เป็นผล ตนคงต้องเอาเรื่องกับครูเบิร์ดให้ถึงที่สุด และกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เมื่อถึงชั่วโมงพละศึกษา ลูกชาย จะมีอาการไม่อยากไปโรงเรียน ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งที่ผ่านมา เคยได้ยินว่าครูเบิร์ดชอบแกล้งเด็ก เช่น ใช้เท้าเหยียบของเล่น ทำให้เด็กกลัว




และช่วงสายของวันนี้ (25 ก.ย.) หลังจากที่ได้พูดคุยกับ รอง ผอ.ฯ ครูเบิร์ด และครูประจำชั้น ครูเบิร์ด อ้างว่า ทำเพียงใช้มือแปะหัว แปะหน้าเด็กเบาๆ เป็นการสั่งสอนเท่านั้น ซึ่งขัดกับสิ่งที่เด็กบอกและทำให้ตนดู มันรุนแรงมากกว่า ตน คิดว่าการคุยครั้งนี้ โรงเรียนไม่มีมาตรการในการลงโทษครูเบิร์ดที่ทำเกินกว่าเหตุฯ และไม่ได้ทำให้ตน รู้สึกดีขึ้น รอง ผอ.บอกต้องการให้ครูเบิร์ด กล่าวคำขอโทษและให้จบเรื่องเพียงเท่านี้ ซึ่งตนรับไม่ได้ คนที่มีอาชีพเป็นครู จะทำอะไร ควรต้องคิด และมีการควบคุมอารมณ์ได้มากกว่านี้




ส่วนการลงโทษเด็กต้องทำอย่างเหมาะสม แต่สิ่งที่ครูเบิร์ดทำกับลูกของตน เมื่อได้ฟังจากปากเด็ก คนเป็นพ่อแม่ รู้สึกสะเทือนใจมาก ผลสรุปของการคุย ไม่มีคำขอโทษจากครู ไม่มีมาตรการลงโทษใดๆ จากโรงเรียนฯ โดยถ้าครั้งนี้ ตน ยอมรับคำขอโทษจากครูเบิร์ด แล้วปล่อยให้เรื่องจบ หากต่อไปครูทำเรื่องที่รุนแรงมากขึ้นกับเด็ก แล้วก็มาขอโทษอีก ตน คิดว่ารับไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องการร้องผ่านสื่อฯ ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเข้ามาดูแล จัดการกับครูที่ชอบใช้ความรุนแรงกับเด็ก และพร้อมจะเอาเรื่องฯ ให้ถึงที่สุด



ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า น้องเอ ป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ตั้งแต่ 2 ขวบ ต้องทำคีโม จึงมีผลกระทบทำให้ร่างกายอ่อนแอ แพ้ง่าย สมองจะช้ากว่าเด็กปกติ และมีแผลผ่าตัดที่ท้อง ครูฯ ยังทำร้าย ทั้งๆ ที่รู้



คุณอาจสนใจ

Related News