อาชญากรรม

มิจฉาชีพในคราบพลเมืองดี รวบ "แจ็คบางพูน" ตีเนียนฉกนาฬิกาหรู 6 ล้าน

โดย kanyapak_w

22 ก.ย. 2565

425 views

สอบสวนกลางรวบ “แจ๊คบางพูน” มิจฉาชีพในคราบพลเมืองดี ฉกนาฬิกาหรู 6 ล้าน



กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.5 กก.2 บก.ป.



​ร่วมกันจับกุม นายพงษ์เดชฯ หรือ แจ็ค (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”



พร้อมตรวจยึดของกลาง  7 รายการ

1. นาฬิกา Richard Mille 233 สีขาว รุ่นลำดับ 789​​​​จำนวน 1 เรือน

2. แหวนเพชร สลักอักษรภาษาอังกฤษว่า THE iCON​​​จำนวน 1 วง

3. เสื้อยืดคอกลมสีขาว ตัวที่นายพงษ์เดชฯ ใส่ในที่เกิดเหตุ​​​จำนวน 1 ตัว

4. เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ แถบบริเวณไหล่สีเหลือง ปักอักษร CCNC สีขาว​จำนวน 1 ตัว

ที่หน้าอกเสื้อ ตัวที่ผู้ต้องหาสวมใส่ในที่เกิดเหตุ​    

5. กางเกงยีนส์ขายาว สีน้ำเงิน ผู้ต้องหาสวมใส่ในที่เกิดเหตุ​​​จำนวน 1 ตัว

6. หมวกแก๊ป สีดำ ที่ใส่ในที่เกิดเหตุ​​​​​จำนวน 1 ใบ

7. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น คลิก สี ดำ-เหลือง ​​​จำนวน 1 คัน คันที่ใช้เป็นยานพาหนะในวันที่เกิดเหตุ




พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 13 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 22.57 น. นายฐานานนท์ฯ ผู้เสียหายได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ มาตามถนนในพื้นที่ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี



เมื่อผ่านมาบริเวณบริเวณจุดกลับรถยนต์หน้าตลาดพูนทรัพย์ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ผู้เสียหายจึงจอดรถแล้วลงมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยมารับผู้บาดเจ็บไปส่งตัวรักษาโรงพยาบาล ในระหว่างนั้นได้มีชายหนุ่มขับรถจักรยานยนต์



มาที่เกิดเหตุและอ้างตัวจะเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เสียหายจึงได้ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อ โดยชายคนดังกล่าวแจ้งว่าชื่อ “แจ็ค” เมื่อหน่วยกู้ภัยมาถึง ผู้เสียหายได้ร่วมกับหน่วยกู้ภัยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บขึ้นรถ และเมื่อผู้เสียหายกลับมายังรถยนต์ พบว่า กระเป๋าสะพายที่ใส่ทรัพย์สิน ที่วางไว้บริเวณเบาะกลางด้านหลังฝั่งผู้โดยสารได้หายไป และไม่พบนายแจ็คที่มาแสดงตัวให้ความช่วยเหลือ ผู้เสียหายจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามแต่กลับปฏิเสธ ว่าไม่รู้ ไม่เห็น และไม่ใช่นายแจ็ค และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาผู้เสียหายได้เข้ามาขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ช่วยติดตามตัวคนร้ายพร้อมให้ข้อมูลว่าทรัพย์ที่เสียหายเป็น นาฬิกาหรู ยี่ห้อ Richard Mille 233 สีขาว รุ่น 789 ราคา 6,000,000 บาท พร้อมแหวนเพชร และเอกสารทางราชการ



เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมจึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. ทราบผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และได้สั่งการให้ พ.ต.ต.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สว.กก.2 บก.ป. ลงพื้นที่เกิดเหตุเร่งแกะรอยสืบสวนเนื่องจากทรัพย์สินมูลค่าสูง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสผู้ต้องสงสัยเพื่อตามจับกุมตัวกว่า 1 สัปดาห์ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายพงษ์เดชฯ มีอาชีพรับจ้างเป็นลูกจ้างประจำอยู่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี



ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2565 พ.ต.ต.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักบริเวณ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงเรียกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการเข้าทำการปิดล้อมทำการล้อมจับ นายพงษ์เดชฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเรียกให้เปิดประตูให้เปิดประตูห้องพัก เมื่อนายพงษ์เดชฯ เปิดประตู และเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเสื้อยืดคอกลมสีขาว เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ กางเกงยืนขายาวสีน้ำเงิน หมวกแก๊ปสีดำ ที่ใส่ในวันก่อเหตุ พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหาย จึงได้ทำการจับกุม นายพงษ์เดชฯ ตามกฎหมาย ก่อนนำไปตรวจยึดจักรยานยนต์รถจักรยานยนต์คันที่นำไปก่อเหตุ จากนั้นนำตัวส่ง พงส.สภ.สวนพริกไทย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



สอบถามเบื้องต้น นายพงษ์เดชฯ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบประวัติคดีอาญาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และคดีวิ่งราวทรัพย์พึ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำจังหวัดแพร่มาเมื่อปลายปี พ.ศ.2559 ก่อนจะมาก่อเหตุซ้ำอีก



สอบสวนกลาง ขอเตือนภัยพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังกรณีขับรถ ควรล็อคประตูทุกครั้ง หากเกิดอุบัติเหตุหรือตกอยู่ในอันตราย อย่าลงจากรถเป็นอันขาด ให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที โดยให้แจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุตรงจุดไหน หรือรถเสียบริเวณใด ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการลงจากรถในที่เปลี่ยว แต่หากถูกประทุษร้าย ให้ตั้งสติอย่าตกใจ จดจำตำหนิรูปพรรณคนร้ายเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจทันที



คุณอาจสนใจ

Related News