ชายวัย 70 ปี จี้ชิงทองบางแค ที่แท้เป็นเจ้าของอะพาร์ตเมนท์ ใจดีไม่เก็บค่าเช่าช่วงโควิด จนไม่มีเงินค่าน้ำ-ไฟฟ้า

ความคืบหน้าชายวัย 70 ปี ที่ก่อเหตุจี้ชิงทองใกล้กับตลาดบางแค ทีมข่าวลงพื้นที่ตามหาบ้านของผู้ก่อเหตุ พบว่า บ้านอยู่ในซอยวัดดุสิตาราม มีเนื้อที่กว่า 1 ไร่ และยังมีธุรกิจอะพาร์ตเมนท์ถึง 25 ห้อง แต่ที่ก่อเหตุเป็นเพราะพิษโควิด ผู้เช่าไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ทำให้ค้างค่าไฟกว่าแสนบาท


วันนี้ (12 ส.ค. 2565) ทีมข่าวลงพื้นที่ภายในซอยวัดดุสิตาราม เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี พบว่าบ้านของนายบวร วัย 70 ปี ผู้ที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้ร้านทางใกล้ตลาดบางแค มีเนื้อที่กว่า 1 ไร่ มีบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 1 หลังที่ใช้พักอาศัย ตึกอะพาร์ตเมนท์ให้เช่า 20 ห้อง และอีกตึกเป็นห้องแถว 5 ห้อง ซึ่งปล่อยให้เช่าเช่นกัน


ทีมข่าวจึงพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่รู้จักกับผู้ก่อเหตุ มานานกว่า 20 ปี บอกว่า นายบวรอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่ตายหมดแล้ว ภรรยาก็เลิกกันไป แต่ยังทำงานที่อะพาร์ตเมนท์ด้วยกัน ไม่มีลูก เป็นคนดีมีน้ำใจ ที่ผ่านมาหากผู้เช่าไม่มีเงินก็ให้ผ่อนชำระได้


ก่อนหน้านี้นายบวร เคยคิดฆ่าตัวตายเนื่องจากมีความเครียดเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟแต่ละเดือนเป็นแสนที่ติดค้างหน่วยงานรัฐ เพราะไม่สามารถเก็บค่าเช่าห้องได้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19


พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ระบุว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ยังไม่มีญาติติดต่อขอเยี่ยม แต่ผู้ต้องหาไม่มีอาการเครียด และยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป พรุ่งนี้ (13 ส.ค.) จะนำตัวไปขออำนาจศาลธนบุรีฝากขังผัดแรก ในข้อหาชิงทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนร้านทองที่เกิดเหตุวันนี้ปิดทำการ 1 วัน และน้ำรั้วเหล็กมาปิดทางเข้าออกไว้