ยายช้ำใจ! โจรทำแสร้งขายยาดม แอบขโมยข้าวเปลือก หลานสี่ขวบร้อง "ขนข้าว ขนข้าว" ไม่เอะใจ หายรวด 7 กระสอบ

วันที่ 10 ส.ค.65 นางทองคำ อายุ 64 ปี ได้เดินทางมาแจ้งความต่อ ร.ต.อ อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีคนร้ายจำนวน 3 คน ขับรถกระบะเข้าไปขโมยข้าวเปลือกภายในบ้านไปจำนวน 7 กระสอบ



นางทองคำ เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหญิงสาวอายุประมาณ 40-45 ปี เดินมาถามขายยาหม่อง ยาดม ตนบอกไปว่า”มีแล้ว”จากนั้นหญิงคนนั้นบอกว่าขอนั่งพักที่แคร่หน้าบ้าน ตนก็ไม่สนใจไปถางหญ้าข้างบ้านต่อ เห็นเพียงผู้ชาย 2 คนยืนรออยู่กับรถกระบะที่จอดอยู่ถนนหน้าบ้าน จำทะเบียนได้เป็นจังหวัดอำนาจเจริญ แต่ไม่ทราบเลขทะเบียนรถ



ไม่นานหลานวัย 4 ขวบที่อยู่ด้วยกัน ตะโกนบอกว่า "ยายขนข้าว ขนข้าว" คิดว่าหลานบอกว่าไก่มากินข้าว จึงตะโกนบอกให้หลานไปว่า”ให้ปิดประตูไว้”เพื่อไม่ให้ไก่ไปกินข้าว แล้วถ่างหญ้าต่อ หลังจากนั้นก็ทำงานบ้านปกติ



จนกระทั่งตกเย็น เห็นข้าวของจุดที่วางข้าวเปลือกเอาไว้กระจัดกระจาย จึงเข้าไปดูพบว่าข้าวเปลือกที่ตนกองทับกันไว้ 20 กระสอบเหลือเพียง 13 กระสอบเท่านั้น หายไป 7 กระสอบ คิดเป็นเงินประมาณ 4,500 บาท จึงคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มแม่ค้าขายยาดมขโมยไปแน่นอนเพราะไม่มีใครเข้ามาหาอีก



นางทองคำ ยอมรับว่าเสียใจที่ข้าวทำมากับน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ข้าวทั้งหมดเก็บเอาไว้กินไม่กล้าขาย แต่กลับมาขโมยเอาไปแบบง่ายๆ จึงอยากจะให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะคาดว่าจะเป็นประบวนการ



นางอุทัย อายุ 50 เจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้าน บอกว่าเป็นคนกลุ่มนี้เข้ามาขายยาหม่องที่บ้าน และพยายามจะเอายามาใส่ที่มือเพื่อทดสอบคุณภาพของยาหม่อง แต่ตนไม่ให้ใส่



ลักษณะของรถเป็นรถทะเบียนจังหวัดอำนาจเจริญ ภายในรถจะมีข้าวของเครื่องใช้ เหมือนกับมาหลายคน และคาดว่าจะไปขอพักตามวัด ยุคก่อนหน้านี้กลุ่มนี้มักจะมาหาขายยาตอนหน้าแล้งคือหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี เนื่องจากจะอาศัยขายของช่วงที่ชาวบ้านมีเงินจากการขายข้าว แต่ก็แปลกปัจจุบันมาได้ทุกฤดูกาล ทั้งที่รู้ว่าช่วงนี้ชาวบ้านไม่มีเงิน



ทั้งนี้ชุดสืบสวน สภ.ละหานทราย เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบมีกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณนั้น และคาดว่าคนร้ายน่าจะมาจากนอกพื้นที่ ลักษณะตระเวนหาเหยื่อ ซึ่งแกงค์นี้มักจะฉวยโอกาสระหว่างมาขายของ สบโอกาสจะขโมยเอาทรัพย์สินของชาวบ้าน



โดยจะเลือกเอาคนชราที่อาศัยอยู่บ้านตามลำพัง และเอาทรัพย์สินหรือของมีค่าทุกชนิด ทั้งหมดยังไม่ฟันธงว่าเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่ โดยหลังจากนี้ตำรวจจะค้นหาภาพจากกล้องวงจรปิดสถานที่อื่นมาประกอบเชื่อมต่อเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง