อาชญากรรม

ตำรวจท่องเที่ยวขอโทษ ปชช. ปมดาบตำรวจในสังกัดเก็บส่วยสถาบันเทิง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

โดย paranee_s

8 ก.ค. 2565

340 views

วันนี้ 8 ก.ค. เวลา 11.30น. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวยกมือไหว้ขอโทษประชาชนกับเหตุการณ์ ดาบตำรวจในสังกัดตำรวจท่องเที่ยวทำลายภาพลักษณ์ และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน กรณีเรียกรับผลประโยนช์จากสถาบันเทิงในพื้นที่ สภ.บางใหญ่  


ทั้งนี้ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์จริง โดยวันเกิดเหตุคือวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางผู้บังคับบัญชาได้มีการสั่งการให้ ดาบตำรวจรายดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ บก.น.4-6  กทม.หรือในพื้นที่เช่น สน.ประเวศ สน.บางรัก สน.ทองหล่อ แต่ปรากฎว่ากลับนำรถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว หมายเลข 112 ขับไปยังพื้นที่ สภ.บางใหญ่ พร้อมกับ ผู้ต้องหาชาวสุพรรณบุรี ทำการเรียกรับผลประโยนช์กับสถานบันเทิงในพื้นที่ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าจับกุมพร้อมเงินของกลาง


สำหรับพฤติการณ์ของดาบตำรวจรายนี้ พบว่ามีการอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แต่มีการขับรถตำรวจท่องเที่ยวไปเรียกรับเงิน  โดยมีการสวมใส่เสื้อกั๊กสีดำ มีตราตำรวจท่องเที่ยว ส่วนเครื่องแบบตำรวจที่ถูกแขวนไว้ในรถสายตรวจ  ร่วมกับนายมานัส ที่ขับรถเก๋งอีกคัน  โดยนายมานัสจะอ้างว่า ตนเองเป็นตำรวจท่องเที่ยวเข้าไปสมทบก่อเหตุ


สำหรับประวัติของ ด.ต.ภูวเมศร์ ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก .ทท.2 อายุ 38 ปี เข้ารับราชการตั้งแต่ปี 2553 รวม 12 ปี  โดยก่อนหน้านี้ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะถูกโยกย้ายมาอยู่กรุงเทพเมื่อต้นเดือนม.ค. 2565 ซึ่งตอนแรกที่ย้ายมาได้ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ  แต่ต่อมาถูกผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ธุรการเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2565  


กระทั่งเดือน มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวขท่องเที่ยวมีการติดเชื้อโควิด19 จำนวนมาก ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกำลังพลเป็นครั้งคราวเพื่อช่วยงานออกตรวจ  ทำให้ดาบตำรวจรายนี้มีโอกาสที่ใช้รถสายตรวจในการก่อเหตุ  ทั้งนี้จากการที่ดาบตำรวจรายนี้ถูกโยกย้ายจากเมืองพัทยา และปรับเปลี่ยนหน้าที่ก็ทำให้เชื่อได้ว่าผู้บังคับบัญชาน่าจะเล็งเห็นถึงความผิดปกติ ส่วนสาเหตุของการโยกย้าย  คณะกรรมการยังไม่ได้มีการสอบสวนหรือพูดคุยแต่อย่างใด จึงไม่ทราบสาเหตุถึงข้อเท็จจริงในการโยกย้าย


ส่วนบทลงโทษแบ่ง 2 ส่วน ส่วนแรกคดีอาญา นายมานัส จำเลยที่ 1 ถูกแจ้งข้อหาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานกระทำการ  โดยที่ตนไม่ได้มีอำนาจหน้าที่นั้น ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันกรรโชกทรัพย์  


ส่วน ด.ต.ภูวเมศร์ ถูกดำเนินคดีในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ส่วนทบลงโทษทางวินัยตอนนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมกับให้ออกจากราชการไว้ก่อน  


นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการเรียกสอบผู้บังคับบัญาโดยตรงของ ดาบตำรวจตั้งแต่ระดับรอง สว.และสว. รวมทั้งตรวจสอบการเบิกรถไปปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ยอมรับว่าในส่วนของการเบิกจ่ายรถในการปฏิบัติหน้าที่ ยังมีช่องโหว่ที่กองบัญชาการต้องไปหาแนวทางในการแก้ไข ร่วมไปถึงคณะกรรมการจะต้องสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ครั้งนี้ โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อลดข้อครหาที่หลายคนเกรงว่าจะมีการช่วยเหลือในวงการสีกากี



คุณอาจสนใจ

Related News