อาชญากรรม

‘อัจฉริยะ’ นำทีมลุยหามีดกรีดขาแตงโม แฉหลักฐานใหม่ 'คราบเลือดแตงโม' ติดเสื้อผ้าคนบนเรือ

โดย thichaphat_d

1 มิ.ย. 2565

526 views

ความคืบหน้าคดี การเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา พัชระวีระพงษ์ หลังจากที่คุณแม่ภนิดา เปลี่ยนทนายความและที่ปรึกษาคดี


วันที่ 31 พ.ค.65  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยทีมนักประดาน้ำ จำนวน 3 คน เพื่องมค้นหาวัตถุพยานในคดีแตงโม โดยใช้เครื่องมือโดรนบินใต้น้ำขช่วยในการค้นหา


นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการหาวัตถุพยาน ที่ใช้ทำร้ายเเตงโม คาดว่าจะเป็นที่เปิดขวดไวน์ หรือ มีดพก โดยจะค้นหา 3 จุด คือบริเวณ วัดเขมา , วัดค้างคาว , เเละท่าทราย ตามที่มีพยานบ่งชี้ เเละพิกัดจากดาวเทียม


ทั้งนี้ สาเหตุที่เดินทางมาค้นหาวัตถุพยาน เพราะเชื่อว่าบาดเเผลที่ขาของเเตงโม ไม่น่าเกิดจากใบพัดเรือ อีกทั้งตำรวจก็ไม่เคยค้นหาอาวุธชนิดอื่นใต้น้ำเลย ทั้งที่ปรากฎภาพว่ามีคนบนเรือถือมีดพก ทั้งนี้ ตนได้รับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ ว่าตำรวจพิสูจน์หลักฐาน มีการตรวจพบคราบเลือดบนเสื้อผ้าคนบนเรือ 1 คน โดยพบ 2 จุดในเสื้อของบุคคลนั้น และผลตรวจก็พบว่าคราบเลือดที่พบ คือคราบเลือดของแตงโม


ซึ่งตนทราบข้อมูลมาตลอด แต่ก็ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนใส่ข้อมูลดังกล่าวลงในสำนวนหรือไม่ ทางทีมกฎหมายจึงตั้งใจว่าจะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคนบนเรือ ข้อหาฆาตกรรม ด้วยตัวเอง ภายในวันที่ 18 มิถุนายน ก่อนที่อัยการจะยื่นฟ้องในวันที่ 23 มิถุนายน

  นายอัจฉริยะบอกด้วยว่า ตนจะไม่นำหลักฐานไปยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แล้ว เพราะเท่าที่ไปสอบปากคำมา ก็พอจะรู้ว่าจะรับหรือไม่รับ จึงไม่อยากไปให้ความหวังให้เสียเวลา


ส่วนที่คุณแม่บอกว่าแตงโมตายบนบก ทั้งที่ผลชันสูตรบอกว่ามีโคลนและทรายในปอดนั้น นายอัจฉริยะอธิบายว่า ตอนแรกแม่ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้แม่เข้าใจแล้วว่าเรื่องบนบกคือการถูกทำร้ายแต่ไม่ใช่การเสียชีวิต แตงโมไปเสียชีวิตจากการจมน้ำ


ด้าน นายณัฐฐ์นันธ์ พฤกษาณัฐกุล เเละตัวเเทนบริษัทเอกชน (บริษัท ออล อินสทรูเมนท์ โซลูชั่น จำกัด) ได้อธิบายถึงอุปกรณ์ที่นำมา คือ โดรนสำรวจใต้น้ำ จำนวน 2 ตัว น้ำหนัก 4 กิโลกรัม ราคาตัวละ 2 เเสนบาท ความสามารถ ดำน้ำลึกได้ 100 เมตร นาน 2 ชั่วโมง ด้านหน้ามีไฟ เเละกล้องความชัด 4K ซึ่งจะส่งภาพเรียลไทม์มาหาผู้ควบคุมซึ่งอยู่บนเรือ โดยใช้สายความยาว 100 เมตร เชื่อมต่อกับเครื่องควบคุมบนเรือ นอกจากนี้ด้านหน้ายังมีอุปกรณ์คีบวัตถุใต้น้ำ สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักไม่เกิน 8 กิโลกรัม ดังนั้นหากเจอวัตถุพยานจริง ก็สามารถนำวัตถุดังกล่าวขึ้นมาได้ทันที เเต่ยอมรับว่าสภาพน้ำในเเม่น้ำเจ้าพระยา มีความเชี่ยวเเละขุ่น อาจส่งผลต่อทัศนวิสัยใต้น้ำอยู่บ้าง


สำหรับโดรนตัวดังกล่าว เคยใช้ในภารกิจการค้นหาเหตุรถตกน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ เเละเคยใช้ค้นหาศพที่เขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งตอนนั้นพบศพอยู่ใต้น้ำที่ระดับความลึกถึง 45 เมตร นอกจากนี้ยังเคยใช้ค้นหาเหรียญโบราณ ที่มีอายุหลายร้อยปี ตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยสุโขทัย เเม้จะจมอยู่ใต้น้ำมานาน เเต่เครื่องนี้ยังสามารถค้นหาได้


สำหรับหลักฐานโทรศัพท์ของเเตงโม ที่บังเเจ็คกู้ข้อมูลเเล้วส่งกลับมาที่ประเทศไทย นายอัจฉริยะกล่าวว่า ตนไม่ได้คาดหวังกับหลักฐานชิ้นดังกล่าวอยู่เเล้ว เเละคงจะไม่ใช้เป็นหลักฐานในคดีนี้ เพราะสิ่งสำคัญต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าภาพถ่ายในโทรศัพท์เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุจริง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการใช้พยานหลักฐานเท็จ พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณทนายดัง 3 คน ทั้งทนายรัชพล ทนายเกิดผล เเละทนายรณรงค์ ที่มีความเป็นห่วง เเละให้ความช่วยเหลือคดีอยู่ห่างๆ  


ส่วนทนายเดชา เมื่อสละสิทธิ์การเป็นทนายความของคดีไปเเล้ว ก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยว หรือเเสดงความคิดเห็นในลักษณะข่มขู่คุณเเม่ ซึ่งสาเหตุที่นายมงคลกิตติ์ ต้องโทรไปคุยกับทนายเดชา ก็เพราะไม่พอใจที่โทรไปข่มขู่คุณเเม่


จากนั้น เวลา 16.00 น. มียุติภารกิจค้นหาหลักฐาน เนื่องจากโดรนใต้น้ำ ลงไปใต้น้ำ 7 - 15 เมตร ปรากฎว่าไม่สามารถค้นหาวัตถุใต้น้ำได้ เนื่องจากน้ำขุ่น ส่งผลต่อทัศนวิสัยการมองเห็น ประกอบกับคลื่นใต้น้ำที่พัดเเรง ทำให้ตัวโดรนเสียการทรงตัว เเละควบคุมลำบาก อีกทั้งเมื่อเสียการทรงตัวทำให้มองไม่ออกว่าวัตถุใต้น้ำคืออะไร เเละเเยกประเภทไม่ได้ นอกจากอุปสรรคดังกล่าวเเล้ว ยังพบว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนัก เเละลมกรรโชกเเรง


หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การค้นหาวันนี้ยังไม่เจอวัตถุพยานอะไร เนื่องจากมีอุปสรรคคือใต้น้ำค่อนข้างมีคลื่นแรง น้ำเชี่ยว และน้ำขุ่น แต่ถึงแม้จะค้นหาวัตถุพยานไม่เจอ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการจะเอาผิดคนบนเรือ ที่ตนมาค้นหาในวันนี้เพียงแค่ต้องการมาเพิ่มโทษให้หนักขึ้น และมีหลักฐานแน่นหนา แต่ก็มีการร่างคำฟ้องไว้แล้วเพียงแค่ว่าหากเจอมีดของกลางที่นำไปตรวจดีเอ็นเอก็จะระบุตัวตนได้ว่าจะฟ้องกับใคร แต่ตอนนี้หาไม่เจอก็สามารถแจ้งร่วมกันไปก่อนได้


ยืนยันว่าหลังจากนี้จะ “ไม่มีการกลับมาค้นหาวัตถุพยานใต้น้ำใหม่แล้ว ตนจะไปเดินหน้าร่างคำฟ้อง ถึงแม้ไม่มีหลักฐานชิ้นที่ต้องการ แต่ก็สามารถเอาผิดได้”


อย่างกรณีคดีน้องหญิงที่ตนเคยทำมา ไม่เจออุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายศาลก็ตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิต


โดยคำฟ้องที่ตนร่างไว้ จะเอาผิดคนบนเรือในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และ มาตรา 290 ซึ่งมาตรา 290 นี้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตนมีหลักฐานที่ชัดๆ ก็คือคราบเลือดของแตงโม ที่เลอะเสื้อคนบนเรือ 1 คน โดยการตรวจนี้มีเอกสารของราชการออกโดยพิสูจน์หลักฐาน 1 ระบุเลยว่าเป็นเลือดของแตงโมที่เปื้อนอยู่ที่เสื้อ ซึ่งก็ต้องไปถามกับตำรวจและอัยการว่าเหตุใดจึงไม่มีการเปิดเผยว่ามีข้อมูลนี้


อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ภารกิจของตนทั้ง 2 ครั้ง ไม่ถือว่าคว้าน้ำเหลว เพราะตนก็ไม่รู้ว่าคนบนเรือทิ้งมีดจริงหลังก่อเหตุหรือไม่ หากทิ้งจริงแล้วเจอก็โชคดี แต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร และตนก็ไม่กังวลว่าคนบนเรือจะฟ้องกลับ หากฟ้องได้คงฟ้องไปนานแล้ว


ส่วนกรณีที่ กระติก นำภาพการทำงานของตนในอดีตออกมาโพสต์ว่าตนทำงานล้มเหลว ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยทุกคดีที่ทำสามารถเอาผิดได้ทั้งหมด บางคดีก็ยังอยู่ในกระบวนการ การที่กระติกออกมาโพสต์ เป็นการโพสต์มั่ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนมาก่อน


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/1QKwQ4n4dQ8

คุณอาจสนใจ