อาชญากรรม
รพ.รับ จนท.หลอกเอาเงินทำศพ 'พ่อถูกลูกชายฆ่า' จริง ด้าน 'พี่สาว' เผย เคยคิดจ้างฆ่าน้องตัวเอง แต่พ่อห้ามไว้
โดย paweena_c
30 มิ.ย. 2565
301 views
โรงพยาบาลประโคนชัยรับ เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเป็นคนของโรงพยาบาลจริง ระบุ ต้องการเงินไปรักษาพ่อ ขณะที่ลูกสาวผู้ตายรับ เคยคิดจะว่าจ้างคนมาฆ่าน้องชาย แต่พ่อห้ามไว้ จนพ่อถูกทำร้ายเสียชีวิต
จากกรณีพบศพนาย เขมา อายุ 75 ปี นอนหงายขาพาดอยู่บนรถเข็น ริมถนนสายโชคชัย-เดชอุดม อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยใกล้ ๆ กัน พบรถจักรยานยนต์จอดล้มอยู่ โดยชาวบ้านเข้าใจว่า นายเขมาถูกรถเฉี่ยวชนเสียชีวิต จึงแจ้งตำรวจ สภ.ประโคนชัย มาตรวจสอบ
แต่สภาพศพพบ ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์กะโหลกเปิด ใบหน้ามีแผลถูกของมีคมหลายแผล และที่ลำคอ-ท้ายทอย มีรอยถูกของมีคมแทงอีก 2 แผล ตำรวจคาดว่า นายเขมา น่าจะถูกทำร้ายร่างกายแล้วนำศพมาทิ้งอำพราง
ตำรวจสืบสวนจนพบเบาะแสจากกล้องวงจรปิด เห็น นายชัชวาล หรือปู อายุ 28 ปี ลูกชายคนที่ 5 ของผู้ตาย ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามเส้นทางโดยมีรถเข็นด้านท้าย และในรถเข็นมีศพอยู่ และพบความผิดปกติหลายอย่างในบ้านพักของนายปู และสอบสวนไปมา ครั้งแรก นายปู ปฏิเสธ
ต่อมา ก็ยอมรับว่า พ่อเมาเหล้าเข้ามาในบ้าน แล้วก็มีปากเสียงกัน ยอมรับว่ารำคาญพ่อ ที่มาดุด่าเรื่องที่ตนไม่มีงานทำ ตนจึงใช้มีดที่อยู่ใกล้มือแทงไปที่ลำคอพ่อ 4-5 ครั้ง แล้วฟันซ้ำที่หัวหลายครั้ง ก่อนนำศพไปทิ้ง
ด้านลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้พ่อเคยโทรศัพท์มาปรับทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกชายเป็นประจำ และ 5 วัน ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต นายปูเคยใช้ไม้ตีที่หลังพ่อ ทำให้พ่อต้องวิ่งหนีตาย ด้วยการออกจากหน้าต่างบ้าน วันต่อมา ลูกชายลับมีดตอนกลางคืนเพื่อให้พ่อได้ยิน ทำให้คืนนั้นพ่อก็หนีหัวซุกหัวซุนเหมือนกัน เพราะเกรงจะได้รับอันตราย
ตนรับรู้เรื่องนี้ ยังเคยบอกกับพ่อด้วยว่า จะหาจ้างคนมาฆ่านายปู แล้วจะยอมติดคุก แต่พ่อห้ามไว้ ซึ่งไม่คิดว่า เพียงข้ามคืนพ่อจะมาเสียชีวิตเพราะนายปู
ขณะที่บรรยากาศช่วงเย็นวานนี้ ชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพของนายเขมา ซึ่งได้ส่งไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
แต่ผู้สื่อข่าวพบกับญาติที่กำลังหารือเรื่องหาเงิน 1 หมื่นบาท เป็นค่ารับศพออกจากโรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยลูกสาวผู้ตาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า มีผู้หญิงโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า จะต้องจ่ายค่าชันสูตรศพให้กับโรงพยาบาลประโคนชัยจำนวน 3,500 บาท จึงโอนไปทันที
ไม่กี่นาที ผู้หญิงคนเดิมโทรศัพท์มาอีกว่า ต้องจ่ายค่าชันสูตรศพให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์อีก 4,500 บาท ตนก็โอนไปอีก ซึ่งปลายทางบัญชีเป็นชื่อของนางสาวนิรุบล ไม่ใช่บัญชีโรงพยาบาลแต่อยางใด แต่ต่อมา หญิงคนเดิม ต้องจ่ายค่าเอาศพออกจากโรงพยาบาลอีก 1 หมื่นบาท ซึ่งตอนนี้ ไม่มีเงินเหลือแล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลองโทรศัพท์ติดต่อไปยังเบอร์ดังกล่าว และสอบถามถึงการโอนเงิน 2 ครั้ง จำนวน 3500 และ 45000 รวมกันเป็น 8000 บาท คือค่าใช้จ่ายอะไร โรงพยาบาลเรียกเก็บหรือไม่ ทีแรกหญิงรายนี้ก็บ่ายเบี่ยง แต่ต่อมายอมรับว่า เป็นคนเรียกเงินเอง และขอร้องไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปแจ้งโรงพยาบาล เพราะกลัวจะตกงาน พร้อมขอโอนเงินทั้งหมดคืนให้ทันที แต่ต่อมาก็ติดต่อไม่ได้อีก เบื้องต้นทราบว่าหญิงสาวคนดังกล่าว ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประโคนชัย แผนกเวชกิจฉุกเฉิน
ล่าสุดนายประสิทธิ์ ปาประโคน นักเทคนิคการแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลประโคนชัย ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ไปเรียกเก็บเงินกับญาติผู้เสียชีวิต ทางผู้บริหารจะประชุมเพื่อพิจารณาถึงความผิดดังกล่ว เบื้องต้นมีการเรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาสอบถาม ซึ่งให้ข้อมูลว่า พ่อป่วยหนักต้องการเงินไปรักษาพ่อ ซึ่งหากมีการเจรจากับผู้เสียหายได้ โรงพยาบาลอาจจะตักเตือน และคาดโทษเอาไว้
พร้อมฝากประชาชนทั่วไปให้รับทราบว่า กรณีการชันสูตรศพ โรงพยาบาลจะไม่มีการเก็บเงินทุกกรณี รวมถึงไม่มีการโทรศัพท์ไปติดตามทวงถาม เหมือนกับกรณีนี้ และหากมีการต้องจ่ายเงินจะต้องมีการออกใบเสร็จทุกครั้ง ในนามของโรงพยาบาล จะไม่มีใช่บัญชีส่วนบุคคล