นิติเวชยัน พบยาเสียสาวในพยานบนเรือจริง ‘ทนายตั้ม’ จี้ชี้แจง ใช้เพื่ออะไร?

เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกมาเปิดเผยว่า พบสารเสพติด คล้ายๆ กับเป็นยาเสียสาว ในร่างกายของบุคคลหนึ่งของคนบนเรือ ทำให้ตอนนี้เป็นที่จับตาว่าจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคุณแตงโมด้วยหรือไม่

พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวการเมืองช่อง 3 ว่า เป็นผล สืบเนื่องมาจากทนายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ไปยื่นเรื่องกับผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขอให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีของคุณแตงโม ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีการเลือกปฏิบัติหรือเปล่า เนื่องจากพบว่า การตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ในร่างกายของคนบนเรือ ทั้ง 5 คน หลังจากเกิดเหตุนั้น มีการตรวจจริงเพียง 3 คน แต่อีก 2 คนไม่ได้ตรวจ

พ.ต.ท.กีรป กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องแล้ว ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ประสานข้อมูลไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา ของ รพ.ตำรวจ และตำรวจภูธรภาค 1 แต่ทางตำรวจภูธรภาค 1 ขอเลื่อนการให้ข้อมูลออกไปอีก 30 วัน จะมีเพียง สถาบันนิติเวชวิทยาที่ให้ข้อมูลมา และพบว่า มีการตรวจร่างกายคนบนเรือ 2 ครั้ง

ครั้งแรก มี 3 คน ยินยอมให้ตรวจ อีก 2 คนไม่ยินยอม และการตรวจครั้งที่ 2 ยินยอมให้ตรวจ 4 คน มี 1 คนไม่ยินยอม และจากผลตรวจที่ออกมา พบว่า มี 1 คนบนเรือ มีสารเสพติดในร่างกาย เป็นสารกลุ่ม เบนโซไดอาซีปีน (Benzodiazepine) ชนิดอัลปราโซแลม (Alprazolam) ที่จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นยาเสียสาว ตามที่ว่ากันหรือไม่

หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ที่จะต้องไปตรวจสอบต่อไปว่า สารเสพติดที่พบเข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้าง และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหน้าที่ตรวจการกระทำทางปกครองและทางวินัยกับตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการทำหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเลือกปฏิบัติตามที่มีการร้องเรียนมา

ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของแม่แตงโม กล่าวว่า ผลตรวจเลือดของคนบนเรือ พบยาเสียสาว ยืนยันไม่มีผลต่อรูปคดีเพราะยาเสียสาวไม่ได้อยู่ในเลือดคุณแตงโม ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณแตงโม ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ควรไปตั้งสำนวนใหม่ขึ้นมาว่ามีใครต้องการจะได้เสียกับคนบนเรือ

ขณะที่ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตรวจพบยาเสียสาวในร่างกายของพยาน 1 ราย ที่อยู่บนเรือจริง โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกายพยานบนเรือ 2 ครั้ง ครั้งแรกหลังเกิดเหตุ 3 วัน พนักงานสอบสวน ได้นำประจักษ์พยานไปตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือด ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งผลดังกล่าวสถาบันนิติเวชวิทยาไม่ทราบรายละเอียด

ส่วนครั้งที่ 2 ตรวจหลังเกิดเหตุ 7 วัน ทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้ส่งเลือดของพยานทั้งหมด มาตรวจที่สถาบันนิติเวชวิทยา ปรากฎว่ามีพยานหนึ่งราย ตรวจพบยาเสียสาวในร่างกาย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใคร

ส่วนที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปแจ้งความเอาผิดกับแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา และทีมงาน ก็สามารถทำได้ ส่วนพยานบางคนไม่ยินยอมให้ตรวจเลือด เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะชี้แจง

ส่วน ทนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมทนายประชาชนฯ ล่าสุด โพสต์เฟซบุ๊กถึง กรณีพบผลตรวจยาเสียสาวคนบนเรือว่า วันนี้ประเด็นร้อนที่น่าสนใจ หลังตำรวจเปิดเผยว่าตรวจพบยาเสียสาวในพยานบุคคล 1 ในห้าคนที่อยู่บนเรือคดีแตงโม ก่อนหน้านี้ ตนเป็นคนเปิดแชทลับลงในสื่อหลายฉบับ ว่ามีคนส่งข้อมูลหลักฐานมาว่า คนบนเรือบางคน เคยก่อเหตุมอมสาวแบบนี้มาก่อน ซึ่งไม่อาจจะตอบโต้ว่าบุคคลนั้นเป็นใคร และเป็นคนเดียวกันกับที่อยู่บนเรือไหม แต่ในเมื่อคุณมียาแบบนี้อยู่ในกระแสเลือด ในวันที่เพื่อนของคุณเสียชีวิตปริศนา คุณควรออกมาชี้แจงสังคม ว่าคุณใช้ยาตัวนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ หรือรักษาอาการวิตกกังวลหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้คุณต้องมีใบสั่งจากแพทย์ เพราะเป็นยาควบคุม ถ้าไม่มีก็อดกังวลใจไม่ได้ ว่าใช้เพื่อเป็นยาเสพติดหรือเพื่อหวังผลทำอะไรคนบนเรือ