เปิดภาพหลานนั่งกระบะขนศพยายทิ้งยัดถัง แม่หนุ่มวัย 23 ไม่เชื่อลูกฆ่าคนตาย

เปิดภาพวงจรปิดกระบะตอนเดียวขนศพป้าวัย 62 ปี ถูกฆ่ายัดถังขยะทิ้งป่ารกชายเขา ที่สุพรรณบุรี หลังก่อเหตุทนนั่งอยู่กับศพในรถข้ามวันเพื่อตบตาตำรวจ

กรณีพบหญิงนิรนามถูกฆ่ายัดถังขยะทิ้งชายเขาชะโอย หมู่ 10 ตำบลเขาพระ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ต่อมาตำรวจสืบทราบจากการตรวจสอบฟันกราม และลายนิ้วมือว่า ผู้ตายคือ นางสมศรี อายุ 62 ปี ชาวอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

กระทั่งเมื่อวานนี้ตำรวจสามารถตามจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน คือ น.ส.อร หลานสาววัย 17 ปี ของผู้ตาย และนายพล แฟนหนุ่มอายุ 23 ปี ขณะโดยสารรถตู้ที่จังหวัดตาก และถูกคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เดิมบางนางบวช ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทั้งคู่ยังไม่ยอมรับสารภาพ

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่สุพรรณบุรี เห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นั่งรถกระบะตอนเดียว ยี่ห้ออีซูสุ สีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ 7058 ตาก เข้ามาที่สุพรรณบุรี แต่ไม่เห็นว่ามีการบรรทุกศพ โดยวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ช่วงประมาณ 4 ทุ่มกว่า ได้จอดแวะในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

ต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ได้ขับไปจอดที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่ง จากนั้นเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า รถคันนี้วิ่งผ่านแยกนางบวช ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่พบศพนางสมศรีประมา 2-3 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังพบว่า รถคันนี้ไปจอดพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่อำเภอสามชุกด้วย

โดยมีข้อมูลว่า นายพลขับรถกระบะของพ่อ มาจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มาหา น.ส.อร ที่ห้องเช่าในอำเภอเมืองนครราชสีมา และอาจทะเลาะกับนางสมศรี ยายของ น.ส.อร เกิดพลั้งมือฆ่ายาย แล้วชิงเงินสดจำนวนหนึ่ง จากนั้นช่วยกันห่อศพใส่รถไว้ที่หลังเบาะ แล้วนั่งบังกันมา จึงสามารถตบตาเจ้าหน้าที่ได้

จากนั้นมาเช่าห้องพักที่อำเภอสามชุก สุพรรณบุรี โดยศพยายยังอยู่ในรถ โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ได้พากันตระเวนหาซื้ออุปกรณ์อำพรางศพ ทั้งปุ๋ยอินทรีและขุยมะพร้าว หาถังขยะมาใส่อำพรางศพ แล้วนำศพไปทิ้งช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ก่อนขับรถหนีกลับบ้านของนายพล กระทั่งถูกตำรวจตามจับได้

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ของนายพล เดินทางมาที่ สภ.เดิมบางนางบวช เพื่อเยี่ยมลูกชาย พร้อมเปิดเผยว่า ลูกชายขับรถกระบะของพ่อออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ บอกว่าไปเที่ยวเขื่อนที่จังหวัดตาก ตนติดต่อลูกได้ทุกวัน ยังได้วิดีโอคอลกับลูกเห็นลูกอยู่แถวที่มีน้ำ มีต้นไม้ จึงเชื่อว่าลูกไปเที่ยวเขื่อนจริง วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ลูกเปิดกล้องให้ดูเห็นว่าอยู่ปั๊มน้ำมัน เช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ลูกกลับถึงบ้า

กระทั่งเมื่อวานนี้ลูกชายบอกว่า จะไปทำงาน โดยไปนั่งรถตู้ ก่อนจะมีตำรวจติดต่อมาบอกว่า ลูกไปฆ่าคนตายก็ตกใจ ไม่คิดว่าลูกไปไกลขนาดนั้น ลูกไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ ลูกเป็นเด็กดี เด็กดีมากๆ ลูกไม่เคยออกจากบ้านไปไหน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจึงเป็นห่วง ไม่เชื่อว่าลูกจะฆ่าคนตาย อาจเป็นฝ่ายผู้หญิงหรือไม่ เพราะได้ข่าวว่าทะเลาะกับยายบ่อยๆ

ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของผู้เสียชีวิตที่อำเภอแก่งคอย เพื่อขอพูดคุยกับนายดำรงค์ สามีของผู้เสียชีวิต แต่ไม่เจอ โดยเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่า มีตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำ ยังไม่ได้กลับมา ขณะเดียวกันยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวนี้ว่า สองสามีภรรยาไม่มีลูกด้วยกัน จึงไปขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก จากนั้นก็มีหลานคนนี้ที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัย

เท่าที่เห็นครอบครัวนี้ก็อยู่กันแบบความสุข มีทะเลาะกันบ้าง โดยผู้ตายเป็นคนค่อนข้างเสียงดัง พูดจาโผงผาง ชอบด่าหลานสาว ทั้งที่ก็รักหลานสาวมาก ขนาดหลานสาวไปเรียนที่โคราช ยังตามไปเช่าห้องพักอยู่ด้วย นานๆ จะกลับมาที่บ้าน

เท่าที่รู้เขาหวงหลานมาก โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย ไม่อยากให้มีแฟน ตนเคยเตือนว่าหลานมันโตแล้วเป็นวัยรุ่น ให้ปล่อยๆ มันบ้าง ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คาดว่าเด็กมันอาจจะเก็บความกดดันมาเยอะ แต่ก็ไม่คิดว่า หลานไม่น่าจะทำยาย เรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะแฟนเขาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวยังได้ไปบ้านเช่าของผู้ตายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ยังพบมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของผู้ตายจอดอยู่ โดยมีผ้าพลาสติกปกคลุมไว้ ด้านนายกุลา แม็ค ชาวเมียนมา อายุ 46 ปี เพื่อนข้างห้องของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายอาศัยอยู่กับหลานสาวเพียงลำพังกัน 2 คน และทั้งสองคนไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่เป็นที่รับรู้กันว่าผู้ตายรัก และหวงแหนหลานสาวคนนี้มาก มักจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ตนแทบไม่เชื่อว่า หลานจะเป็นคนฆ่ายาย เพราะเห็นทั้งสองรักกันดี และมักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา

ส่วนที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกงานของหลานสาวผู้ตาย มีเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำสถานี ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ช่วงเกือบ ๆ บ่าย 3 สองยายหลานเพิ่งเดินทางกลับมาด้วยกันจาก อำเภอแก่งคอย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สถานีรถไฟจับภาพไว้ได้ เห็นทั้งสองคนก็ดูรักกันปกติดี เป็นภาพคุ้นตาที่เจ้าหน้าที่สถานีเห็นเป็นประจำ