หนุ่มคลั่งเผาบ้านวอด หลังโทรขอเงินแม่ไม่ได้ เจ้าตัวอ้าง ทำบุหรี่ตกไฟเลยไหม้

เมื่อวันที่ (13 พ.ย.) ที่ผ่านมา เมื่อ 18.00 น. ร.ต.อ. อนุวัช แสนอินทร์ รองสารวัตรสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ พนักงานสอบสวน สภ.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้รับแจ้งเหตุว่า มีเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 268/2 บ.โป่งตื้ด ม.5 ต.ป่าสัก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านของนางอิน สีวิชัย อายุ 74 ปี เป็นบ้านไม้ยกสูงหลังใหญ่ ขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดและมีหลานชายอยู่ดูแลบ้าน

หลังรับแจ้งเหตุ จึงประสานรถดับเพลิง อบต.ป่าสัก อบต.สรอย และอบต.แม่พุง ช่วยควบคุมเพลิง ใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 1 ช.ม.เพลิงจึงสงบไม่ลุกลามทำความเสียหายให้บ้านข้างเคียง ตรวจที่เกิดเหตุ พบบ้านถูกเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง สอบถามบ้านข้างเคียงทราบว่าบ้านที่เกิดเหตุ มีนายสุชานันท์ หรือบาส พลายเอ็ม อายุ 24 ปีอาศัยอยู่บ้านคนเดียว ซึ่งยาย น้าสาว พ่อและแม่ ไปอยู่ต่างจังหวัด จึงได้ให้ญาติโทรไปแจ้งเหตุให้ทราบก่อน

ซึ่งในวันต่อมา คนที่อาศัยบ้านทั้งหมดได้เดินทางกลับมาบ้าน ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายหมด ทางอบต.ป่าสัก ร่วมฝ่ายปกครองอำเภอวังชิ้น ได้มาตรวจสำรวจความเสียหาย ตำรวจหน่วยพิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ มาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ค่าเสียหายประมาณ 500,000 บาท

ทางตำรวจได้มาสอบถามผู้เสียหายที่เพิ่งกลับมาจาต่างจังหวัดทราบว่า ได้ออกบ้านไปหางานทำ เนื่องจากถูกนายสุชานันท์ รบกวนขอเงินอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมทำการทำงาน บางวันขอหลายรอบ จนยายนางอิน ได้ออกบ้านไปเมื่อสิบวันก่อนเพื่อไปอยู่กับ น.ส.แสงหล้า สีวิชัย อายุ 40 ปี ที่เป็นลูกสาว ที่จังหวัดพิจิตร หลังถูกหลานชายรบกวนขอเงินวันละหลายรอบ และทราบก่อนเกิดเหตุหลานชายได้โทรไปขอเงินแม่ นางจันทร์งาม ที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ว่าให้ส่งเงินมาให้ 700 บาท แต่แม่ไม่มีให้ เพราะก่อนหน้าได้โอนมาให้แล้ว 100 บาทตอนเช้า เหมือนทุกวันที่ผ่านมา แต่วันเกิดหตุ โทรไปขออีกแต่ไม่ได้ตามที่ขอ จึงได้พูดขู่ไปว่าจะเผาบ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุเผาบ้านขึ้นจริงตามคำขู่หมดทั้งหลัง

ต่อจากนั้น พนักงานสอบสวน สภ.สรอย ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัวนายสุชานนท์ หรือบาส ที่ญาติสงสัยว่าวางเพลิงเผาบ้านไปทำการสอบสวน เบื้องต้นได้การปฏิเสธและให้การว่า เผลอทำบุหรี่ที่สูบตกบนบ้านจนทำให้เพลิงไหม้บ้าน ตนเองไม่ได้วางเพลิงเผาบ้านตามที่ญาติเข้าใจ ทางตำรวจได้ควบคุมตัวไว้ เพื่อสอบพยานแวดล้อม หากได้กระทำผิดจริง จะได้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป