อาชญากรรม

‘ชูวิทย์’ เตือน ‘บิ๊กป้อม’ ระวังคนรอบข้าง เอี่ยวกลุ่มทุนจีนสีเทา จี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เร่งปราบ

โดย attayuth_b

26 ต.ค. 2565

291 views

วันนี้ (26 ต.ค.) ที่โรงแรมเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวสืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มทุนนักธุรกิจจีน เปิดสถานบันเทิงมั่วยาเสพติดในไทย สืบเนื่องจากกรณีตำรวจนครบาลบุกจับผับจีนย่านยานนาวา

โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า ทุนจีนสีเทาบุกประเทศไทย แต่ไม่มีใครสนใจสิ่งที่ตนพูด เวลานี้กลายจากทัวร์ 0 เหรียญ มาเป็นผับ 0 เหรียญ โดยมีนักธุรกิจ อักษรย่อ ’ต.ห.’ หลายเขยอดีตตำรวจดัง ชื่อย่อ ป. ภรรยาก็เป็นตำรวจใหญ่ เดิมทำธุรกิจต่างๆ ที่ จ.ภูเก็ต แต่เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาทำให้ขาดรายได้ จึงอพยพมาเปิดผับ-บ่อน 0 เหรียญ ซึ่งคนไทยไม่ได้อะไร เพราะคนจีนเปิดบริการธุรกิจครบวงจร เฉพาะคนจีนที่เขาไปได้ ตนเห็นว่าควรต้องตั้งศูนย์ปราบปรามธุรกิจสีเทาประเภทนี้ให้เป็นกิจลักษณะ

"พวกนี้ไม่รับคนไทย เด็กเสริฟยังไม่ไทยเลย คนไทยมีแค่เด็กรับรถ การเปิดธุรกิจพวกนี้นอกจากทำลายเศรษฐกิจยังมีลักทรัพย์ ขู่กรรโชก ตั้งแก๊งคอลเซนเตอร์ เรียกค่าไถ่ ตั้งบ่อน ขายยาเสพติดและไปถึงพนันออนไลน์"

นายชูวิทย์ ระบุด้วยว่ากลุ่มที่สองทำธุรกิจที่ รัชดาฯ และพัทยา และทั้งสองกลุ่มอยู่ภายใต้อิทธิพลของเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาแห่งเมืองหลวง ซึ่งสืบเนื่องถึงคดีของหญิงชาวจีนที่เสียชีวิตเพราะสูบยาเกินขนาด นำมาสู่การทำลายหลักฐาน เพิ่งจะเปิดเผยหลังเสียชีวิตเป็นเดือน สน.สุทธิสาร มัวทำอะไรอยู่ อาจเป็นการจ่ายค่าคุ้มครองให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจำนวนเงินจะลดหลั่นไปตามชั้นยศ และไม่ใช่จ่ายตรง แต่จำเป็นต้องมีคนกลางที่มีอิทธิพลทางการเมืองเพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรสจชั้นผู้ใหญ่

โดยตนมองว่ากลุ่มธุรกิจเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมไทย และยังสร้างความอันตราย จึงต้องการส่งเสียงไปสู่สังคม และจะนำส่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดไปให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ดำเนินการ

"เพราะผมเห็นว่าท่านเป็นดาวเด่น แต่ถ้าท่านไม่ดำเนินการ ผมจะเล่นงานท่านตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมให้ข้อมูลครบ อย่าเรียกว่าชูเป็นศรีนะ เพราะผมถือว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยเยาวชนไทยและเศรษฐกิจไทย”

นายชูวิทย์ มองว่า นักธุรกิจจีน จ่ายหนักจนทำราคาเสีย กันคนชาติอื่น แม้ตนส่งสายลับไปยังโดนจับได้ไล่ออกมา ควรตั้งศูนย์ปราบปรามก่อนจะขยายตัวเป็นอาชญากรรม สร้างปัญหาทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ หากเป็นสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จะเรียกพวกนี้ว่า ’อั้งยี่’ คดีต่างๆ เมื่อโยงโยกันไปแล้วจะมุ่งไปสู่อิทธิพลของ 2 กลุ่มนี้ทั้งสิ้น

"ผมเตือนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เคารพรัก ท่านต้องระมัดระวังคนรอบข้าง คนที่เดินตามท่าน คนที่เข้าไปในบ้านท่าน ไปล้างจานที่ครัวท่าน คอยดูด้วย เพราะคนต่างๆ เหล่านี้ล้วนหวังผลประโยชน์ อยากเติบโต ชอบอ้างนู่นอ้างนี่ อ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ เรื่องจริงไม่จริงไม่มีใครรู้ ส่วนพวกนี้ (กลุ่มทุนจีนสีเทา) ก็ต้องเข้าหาสปอตไลต์ที่ใจถึง"

เมื่อถามว่านักการเมืองคนใด นายชูวิทย์ไม่ตอบ แต่ยกถุงผลสีขาวขึ้นมา แล้วพูดว่า “จะเอาอะไรกับผม นี่มันคือแป้ง”

พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ ยังเสนอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งตั้งศูนย์ปราบปราม ใช้ตำรวจที่เข้าใจภาษาและวัฒนธรรมชาวจีนมาดูแล อีกทั้งต้องมุ่งเป้าไปที่ระดับหัวหน้า รวมถึงต้องสืบให้พบเส้นทางการเงิน และหากทำได้ต้องประสานไปยังต่างประเทศให้ช่วยสืบประวัติกลุ่มอิทธิพล หากตั้งใจจริงเชื่อว่าตำรวจไทยสามารถปราบปรามได้แน่นอน และตนยืนยันว่าต้องมีนักการเมืองใหญ่หนุนหลังแน่นอน ก็ขอให้ตำรวจทำตามอุดมการณ์





คุณอาจสนใจ

Related News