อาชญากรรม

ตร.นครบาล แฉ ร้านจินหลิง เคยเป็นบ่อนมาก่อน พบโยงเครือข่ายสถานบันเทิงชื่อดัง ย่านรัชดาฯ

โดย attayuth_b

26 ต.ค. 2565

769 views

พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากควบคุมตัวนักเที่ยวที่พบภายในสถานบันเทิงได้ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 229 คน เจ้าหน้าที่ได้นำไปควบคุมตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู และได้นำนักเที่ยวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติดประเภทเคตามีน โดยใช้ขั้นตอนกระบวนการทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลที่มีเครื่องตรวจอีก 3 แห่ง พบว่ามีนักเที่ยวที่มีสารเสพติดจำนวนประมาณ 104 คน แต่อยู่ระหว่างการแยกสารประกอบว่าเคตามีนที่พบในร่างกายเป็นเคตามีนจากการเสพยาเสพติดหรือได้รับมาจากแหล่งที่มาใดเนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลตามรายงานของ สน.ยานนาวา พบว่าสถานบันเทิงแห่งดังกล่าวเคยเปิดเป็นบ่อนการพนันก่อนที่จะปิดตัวลงไป และกลับมาเปิดกิจการเป็นร้านอาหารได้ประมาณ 4 เดือนแล้วตามคำให้การของพยาน โดยเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าวเป็นชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสถานบันเทิงชื่อดังขนาดใหญ่แห่งหนึ่งย่านถนนรัชดาภิเษก โดยเห็นได้จากข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้จัดการและลูกค้าที่มีการพูดคุยว่าร้านดังกล่าวในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯอยู่ระหว่างการปิดให้บริการปรับปรุงและแนะนำให้มาเที่ยวที่ร้านที่ถูกจับกุมนี้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกหรือหมายจับเจ้าของตัวจริงมาดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดสถานบันเทิงโดยไม่มีใบอนุญาต และปล่อยปละละเลยให้ใช้ยาเสพติด ส่วนผู้จัดการที่ตำรวจควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุไม่ให้ความร่วมมือและไม่ยอมให้การใดๆ

จากนี้จะให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบประวัติของนักเที่ยวทุกคนที่ถูกควบคุมตัวไว้ เพื่อตรวจสอบการเดินทางเข้ามาภายในประเทศ, ทรัพย์สินภายในครอบครอง อาทิ เงินสด รถหรูยี่ห้อต่างๆ และทรัพย์สินอื่นๆที่ตรวจ เพื่อหาเส้นทางการเงินและแหล่งที่มาของทรัพย์สินต่างๆ มีรายได้มาจากการทำธุรกิจอะไร เป็นการถือครองด้วยตนเอง หรือมีนอมินีตัวแทนเป็นผู้ถือครองให้ หากพบว่าได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ก็จะดำเนินการส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ป.ป.ง. เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบ

ส่วนเรื่องรถหรูที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุจำนวน 35 คันจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นพบว่ามีการสวมทะเบียนโดยผิดกฎหมาย 1 คันซึ่งได้ดำเนินคดีกับเจ้าของรถในที่เกิดเหตุไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ส่วนลดคันอื่นๆพบว่ามีเจ้าของที่เป็นทั้งคนไทยและชาวจีนจำนวนมาก แต่ไม่มีบุคคลใดนำกุญแจรถมามอบให้หรือแสดงตัวเป็นเจ้าของเจ้าหน้าที่จึงยึดอายัดไว้เพื่อรอให้เจ้าของตัวจริงนำเอกสารมาแสดงเพื่อรับรถกลับคืนไป ซึ่งพบว่าตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมามีบุคคลมาแสดงตัวแล้วแต่ไม่ได้นำเอกสารมาด้วยเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถปล่อยรถกลับไปได้

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบหลักฐานสำคัญคือ ใบเสร็จค่าบริการโดยเฉลี่ยโต๊ะละประมาณ 170,000 บาท ซึ่งในใบเสร็จจะระบุค่าบริการพิเศษเป็นภาษาจีน ซึ่งแปลได้ว่า เป็นค่ายาเสพติดประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังพบเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทภายในร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพื่อตรวจหาสารเสพติดและพยานหลักฐานอื่นๆเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว โดยพบตู้เซฟอีก 6 ใบ โดยผู้จัดการร้านยินยอมเปิดตู้ให้ 1 ตู้พบเป็นยาเสพติดประเภทต่างๆทั้งเคตามีน happy water และอื่นๆ ส่วนอีก 5 ตู้ผู้จัดการและคนงานในร้านไม่ยอมเปิดให้จึงยึดอายัดมาเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการเจาะเปิดตู้ตามขั้นตอนของกฎหมาย คาดว่า จะเป็นเงินสดหรือยาเสพติดที่ทางร้านเก็บไว้จำหน่าย

ส่วนกรณีที่ร้านดังกล่าวเปิดให้บริการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่ทราบจะเป็นการปล่อยปละละเลยหรือไม่เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 แต่สน.ยานนาวา ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 จึงมีหนังสือคำสั่งให้ผู้กำกับการสน.ยานนาวาไปช่วยราชการซึ่งก็มาจากเรื่องดังกล่าว

คุณอาจสนใจ