รปภ.เมาป่วนขบวนแห่เทียนพรรษา ช้ำใจจากเจอกิ๊กนอนกับสามี

รปภ. ช้ำรัก อกหัก หลังเปิดห้องเจอกิ๊กนอนกับสามี เผยมีเมียแล้วแต่รักกิ๊กมาก  ก่อนดื่มเหล้าเมาแอ๋ขับป่วนขบวนแห่เทียนพรรษา  

เมื่อเวลา 15.30 น. ของวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วีระ ไทยมะณี สว.ศจร.ภ.จว.ระยอง ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งสีขาว ได้ขับก่อกวนขบวนแห่เทียนพรรษา ของนักเรียนโรงเรียนวัดป่าประดู่ และ นักเรียน วิทยาลัยเทคนิคระยอง ที่กำลังเดินขบวนแห่ หน้าสำนักงานการประปาสาขาระยอง ถ.ตากสิน ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และ ตำรวจสายตรวจ รุดไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุทันที

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถเก๋ง สีขาว อยู่กลางถนน กำลังเร่งเครื่องและบีบเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัว พร้อมเข้าไประงับเหตุสกัดรถคันดังกล่าวไว้ พอเปิดประตู รถเข้าไป พบกับผู้ชายคนขับอยู่ในรถ จึงควบคุมตัว และนำตัวออกจากรถ พบกลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั้งตัว และ พูดจาวกวนเพราะมึนเมา จึงควบคุมไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ริมถนน พร้อมให้ขบวนแห่เทียนพรรษา เคลื่อนขบวนเข้าไปยังวัดป่าประดู่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็น พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ รปภ.ของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ก่อนเกิดเหตุ ได้ลางานออกมา และ เดินทางไปหาแฟนที่คบกันภายใน ซอยโรงเจเก่า หลังไปรษณีย์สาขาท่าประดู่ ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง พอไปถึงก็รีบลงรถไปที่ห้องของแฟนสาวทันที พอไปถึงที่ห้องหัวใจก็แทบสลายกับภาพที่ปรากฎตรงหน้า แฟนสาวนอนอยู่ภายในห้องกับผู้ชายอีกคน ยังไม่ทันเอ่ยปาก แฟนสาวก็ไล่ให้กลับไปก่อน เพราะอยู่กับสามี และ กำลังเป็นโควิด19อยู่ด้วย จนทำอะไรไม่ถูกหลังจากตั้งสติ ก็รีบเดินออกมา แล้วก็รีบไปซื้อเบียร์มาดื่ม2ขวด เพื่อย้อมใจ หลังดื่มเบียร์หมด ตัดสินใจขับรถออกมา จนกระทั่งมาเจอขบวนแห่เทียนพรรษา ด้วยอารมณ์ที่ค้างอยู่ จึงบีบแตรและเร่งคันเร่งจนเสียงรถซึ่งเป็นรถที่แต่งท่อไอเสียมา เสียงจึงดังมาก จนทำให้ขบวนแห่แตกกระเจิง

สาเหตุที่ทำเพราะต้องการรีบกลับบ้าน ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะอารมณ์ชั่ววูบ สำหรับตนเองมีภรรยาอยู่แล้ว และ อาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนแฟนสาวที่เห็นอยู่กับสามี เป็นเพียงแค่กิ๊ก แต่ก็รักมาก เมื่อเจอภาพตำตาก็เลยทำใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทงหัวใจ ซึ่งต่อจากนี้คงจะต้องทำใจ และ กลับไปหาภรรยาที่รออยู่ที่บ้านพัก เพื่อรักษาแผลใจ หลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุม นายรณชัย ไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งผลตรวจวัดได้สูงถึง 231 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น เกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงดำเนินคดีในข้อหา เป็นผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ก่อนจะส่งตัวเข้าห้องขัง เพื่อส่งศาลฟ้องต่อไป