อาชญากรรม

ร้อง ‘ทนายตั้ม’ โดนอดีตตัวแทนประกัน อ้างชื่อทั้งครอบครัว กู้เงินกรมธรรม์ เป็นหนี้เกือบ 3 ล้านบาท

โดย chutikan_o

23 มิ.ย. 2565

1.2K views

นายชนธัญ เวโรจนนันท์ อายุ 55 ปี นักธุรกิจส่วนตัว พร้อมครอบครัว เข้าร้องเรียนกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังถูกอดีตตัวแทนบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ร่วมกับตำรวจ สน.ทองหล่อ แอบอ้างชื่อไปกู้ยืมกรมธรรม์ประกันภัย ทำให้ผู้เสียหายกลายเป็นหนี้เกือบ 3 ล้านบาท



นายชนธัญ กล่าวว่า เคยทำกรมธรรม์กับอดีตตัวแทนประกันรายนี้ แต่ถูกนำชื่อและข้อมูลไปกู้เงินกรมธรรม์โดยที่ตนเองไม่ทราบ ยอดเงิน 4 ล้านบาท แต่ต่อมามีการเคลียร์และคืนเงิน เรื่องจึงจบไปและตัดขาดกับอดีตตัวแทนประกันรายนี้ตั้งแต่ปลายปี 2563 เป็นต้นมา



จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อยู่ๆ ก็มียอดเงินโอนเข้าบัญชี 1.7 ล้านบาท จากนั้นอดีตตัวแทนประกันรายนี้ก็ติดต่อมา อ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของอดีตตัวแทนประกันที่นำไปลงทุนในชื่อของตนเอง เงินจึงเข้าบัญชีตนเอง และขอให้โอนเงินคืน โดยมีตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดต่อมาข่มขู่ว่าอาจจะถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์ได้หากไม่คืนเงิน ทำให้หวาดกลัว และไปโอนเงินคืนต่อหน้าตำรวจ สน.ทองหล่อ นายนี้ จำนวน 1.7 ล้านบาท แต่ไม่นานก็มีเงินอีก 1.2 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีภรรยา และอดีตตัวแทนประกันรายนี้ก็ขอให้โอนเงินคืนให้อีก ทำให้ครอบครัวเอะใจ และติดต่อไปสอบถามธนาคารเพื่อหาที่มาของเงิน ทราบว่ามาจากบริษัทเอไอเอ เมื่อสอบถามไปทางเอไอเอ ก็พบว่ามีคนนำชื่อไปแอบอ้างกู้ยืมเงินกรมธรรม์โดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้มีลายเซ็นในเอกสารใดๆ



ทางเอไอเอ ชี้แจงว่า ผู้เสียหายได้สมัครแอปพลิเคชันเอไอเอ โดยลงทะเบียนด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา มีโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์เอไอเอ อ้างเป็นเจ้าของกรมธรรม์ ขอแก้ไขข้อมูลส่วนตัวในกรมธรรม์ 3 ฉบับ คือของตนเอง ของภรรยา และของลูกสาววัย 19 ปี โดยมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล และขอกู้เงินกรมธรรม์ 2 ฉบับ รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติภายใน 2 นาที ส่วนกรมธรรม์ของลูกสาวถูกแก้ไขข้อมูลรอไว้แต่ยังไม่ได้ยื่นกู้ โดยเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้าไปเปลี่ยนข้อมูล ก็เป็นเบอร์เดียวกับที่อดีตตัวแทนประกันแจ้งความไว้ที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งไม่ทราบว่าอดีตตัวแทนประกันทราบข้อมูลกรมธรรม์ของเอไอเอได้อย่างไร เพราะเป็นตัวแทนคนละบริษัท



เบื้องต้นตนเองจึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง แต่ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความ บอกว่าตนเองไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่เป็นทางเอไอเอที่ต้องเข้าแจ้งความ ส่วนเงินที่มีชื่อตนเองและครอบครัวเป็นผู้กู้ ทางเอไอเอได้ขอให้โอนคืน จึงโอนเงิน 1.2 ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีภรรยาและยังไม่ได้โอนให้อดีตตัวแทนประกัน คืนให้กับเอไอเอ แต่ในส่วนเงิน 1.7 ล้านบาท ที่โอนให้อดีตตัวแทนประกันไปแล้วนั้น ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำให้อาจจะต้องรับภาระหนี้ดังกล่าว



ด้าน ทนายษิทรา กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.คลองหลวงอีกครั้ง โดยจะดำเนินคดีกับอดีตตัวแทนประกัน ตำรวจ สน.ทองหล่อ และเจ้าของบัญชีธนาคารอีกบัญชีที่อดีตตัวแทนประกันจะให้โอนเงินคืน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร



สำหรับตำรวจ สน.ทองหล่อ ตำแหน่งสารวัตร ที่อ้างว่าจะดำเนินคดีกับผู้เสียหาย ทนายษิทราตั้งข้อสงสัยว่ามีเพียงใบบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเท่านั้น แต่นำมาอ้างว่าจะดำเนินคดี จึงมองว่าอาจมีการนัดแนะรู้เห็นกับคนที่หลอกลวงผู้เสียหายหรือไม่ เพราะมีความพยายายามจะทวงเงินผู้เสียหายเกินหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้จะร้องขอให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจนายนี้



คุณอาจสนใจ

Related News