อดีตส.ท. เครียดป่วยโรคประจำตัว ขี่รถออกจากบ้าน ยิงตัวเองใต้ต้นโพธิ์

เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.ไพรัช หาสิน สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองใหญ่ ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคม จุดหนองใหญ่ ว่ามีเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง หลังรับแจ้งจึงรีบรุดเข้าตรวจสอบพร้อมกู้ภัยและแพทย์ รพ.หนองใหญ่ พอเมื่อมาถึงในที่เกิดเหตุเป็นช่วงบริเวณใต้ต้นโพธิ์วงเวียน สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ หน้าฝายหนองใหญ่ วัดหนองใหญ่ หมู่ 5 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี พบร่างชาย 1 รายทราบชื่อคือนายวิชา จิรวัฒน์ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 298 หมู่ 5 ตำหนองใหญ่ นอนหงายอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ที่ศรีษะมีบาดแผลถูกกระสุนปืนขนาด.38 ยิงเข้าที่ตรงหลังกกหูด้านขวา กระสุนทะลุท้ายทอยด้านซ้าย จำนวน 1 นัด เลือดไหลออกมาอยู่กับพื้นและต้นไม้ ส่วนที่บริเวณมือขวา พบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ตกอยู่ ซึ่งทางนายวิชา ผู้ก่อเหตุยังมีชีพจรอยู่แต่อาการยังสาหัส ทางกู้ภัยจึงได้เร่งให้การณ์ช่วยทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลหนองใหญ่ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าอาวุธปืน มีลูกกระสุนปืนอยู่ในโม่ จำนวน 5นัด ถูกใช้ไปแล้ว 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถามนายพงศ์ภัค จิรวัฒน์ อายุ 31 ลูกชาย เล่าว่า พ่อของตนเองประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถไถ ในตัวอำเภอหนองใหญ่ และเป็นอดีต สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองใหญ่ มา 2 สมัย แต่พอมาช่วงหลังพ่อก็มาป่วยด้วยโรคประจำตัว เบาหวาน เลยออกมาพักรักษาตัว ซึ่งก่อนที่จะมาเกิดเหตุพ่อชอบบ่นอยู่ประจำทุกวันว่าเครียดที่ป่วยและต้องมาให้ลูกๆและครอบครัวเดือดร้อน พร้อมกับบ่นว่าอยากจะฆ่าตัวตายให้พ้นจากอาการทรมานแบบนี้ พวกตนก็พยายามให้กำลังใจอยู่ตลอด แต่พอมาวันนี้ในช่วงเช้ามาก็ไม่เห็นพ่ออยู่ในบ้านจึงเดินตามหา ก็ไม่เจอไม่รู้ว่าพ่อไปไหน จนมาเวลา 10.00 น.มีคนวิ่งมาบอกว่าพ่อไปยิงตัวเองตรงใต้ต้นไม้และมีทางกู้ภัยช่วยนำส่งโรงพยาบาลแล้วจึงรีบมาดู ซึ่งนายพงศ์ภัค ลูกชาย ยังกล่าวต่ออีกว่าทางตนเองและแม่ ไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุที่พ่อมายิงตัวเองแบบนี้เพราะเข้าใจว่าเขาเครียด ส่วนปืนนั้นก็เป็นปืนของเขาเอง จึงไม่คิดว่าจะมีใครมาทำอะไรเขา

ด้านพ.ต.ท.ไพรัช หาสิน สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองใหญ่ เผยว่า หลังจากทำการตรวจสอบเหตุและสอบสวนทั้งลูกและภรรยา ของผู้ก่อเหตุก็ทราบว่าผู้ก่อเหตุนั้นป่วยมีโรคประจำตัวรุมเร้าจริง ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้สึกเครียดจึงใช้อาวุธปืนมายิงตัวเอง แต่ทางญาติผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ติดใจอะไร จึงต้องรอให้ผู้ก่อเหตุได้รักษาอาการให้หายดีเสียก่อนถึงจะต้องมาสอบถาม สาเหตุของการก่อเหตุอีกครั้ง