รวบ 'น้าสาว-น้าเขย' ติดยา ลวงข่มขืน หลานพัฒนาการช้า ซ้ำข่มขู่ ห้ามบอกใคร

ตำรวจบุกรวบ น้าสาวน้าเขย ล่อลวงข่มขืนหลานสาวแท้ ๆ ที่มีพัฒนาการช้า ข่มขู่ห้ามบอกใคร โบ้ยเป็นฝีมือพ่อและลุงของเด็ก ภายหลังรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

จากกรณีเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.แมว (นามสมมติ) นำบุตรสาววัย 18 ปี ซึ่งมีพัฒนาการช้า ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านยาย เนื่องจากตนและสามีต้องไปรักษาโควิด เข้าร้องทุกข์กับประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังบุตรสาวถูกน้าสาวและน้าเขย มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดล่อลวงหลานสาวไปข่มขืนหลายครั้ง แต่การแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีความคืบหน้า

หลังการร้องเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ น.ส.แมว เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมตัว 2 สามีภรรยาที่บ้านพักในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด ข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี

จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.สามกระทายได้สอบปากคำผู้ต้องหา โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปขออำนาจศาลทำการฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

ความคืบหน้า วันที่ 8 เมษายน ศาล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ต้องหาแล้วไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงนำตัว 2 สามีภรรยาไปฝากขังที่เรือนจำ ประจวบคีรีขันธ์

สำหรับพฤติกรรมของ 2 สามีภรรยา มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดได้ล่อลวงบังคับหลานสาวไปข่มขืนที่ป่ายางข้างทาง และได้พาไปข่มขืนที่บ้านพักของน้าสาวกับน้าเขยอีกหลายครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 พร้อมข่มขู่ห้ามบอกใคร

ต่อมา เมื่อ น.ส.แมวและสามีหายป่วยจากโควิด จึงกลับมาบ้านและไปทำงานตามปกติ จากนั้นวันที่ 30 มี.ค. น้าสาวกับน้าเขยได้มารับ น.ส.บี จากบ้านยายไปอีกโดยไม่ได้แจ้งให้ยายและตนทราบ เมื่อตนกลับจากทำงานไม่เห็นลูกสาว จึงโทรหาน้าสาวก็ไม่สามารถติดต่อได้ ไปตามที่บ้านก็ไม่เจอ จนวันที่ 31 มี.ค. ตนจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.สามกระทาย

หลังจากนั้นวันที่ 1 เม.ย. น้าสาวกับน้าเขยได้พา น.ส.บี เข้าแจ้งความที่ สภ.สามกระทาย อ้างว่า น.ส.บี ถูกพ่อแท้ ๆ และลุงข่มขืน แต่พนักงานสอบสวนสังเกตเห็นความผิดปกติว่า น.ส.บี มีอาการหวาดกลัวและเหม่อลอย ตำรวจจึงได้พาตัว น.ส.บี ส่งโรงพยาบาล ซึ่งน้าสาวกับน้าเขยได้ตามไป ร.พ.ด้วย

เมื่อพยาบาลซักถาม ทางน้าสาวกับน้าเขยกลับให้ข้อมูลมีพิรุธ และเห็นว่า น.ส.บี มีอาการอ่อนเพลีย เหม่อลอย ทาง ร.พ. จึงขอรับตัว น.ส.บี ให้นอนสังเกตอาการที่ ร.พ.ก่อน แต่น้าสาวกับน้าเขยไม่ยอม ได้พา น.ส.บี หนีออกจาก ร.พ.ไปหลบอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใกล้ ร.พ. มีพระในวัดเห็น จึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ

จากนั้นตำรวจได้นำตัว น.ส.บี ส่ง ร.พ.อีกครั้ง และตำรวจแจ้งให้ตนทราบ พอวันที่ 4 เม.ย. แพทย์ได้อนุญาตให้ น.ส.บี กลับมาบ้าน น.ส.บี จึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า ถูกน้าเขยข่มขืนมา 5 ครั้ง ในช่วงเดือนมี.ค. ระหว่างที่แม่กับพ่อไปรักษาโควิด และน.ส.บี ต้องไปอยู่บ้านยาย

โดยน้าสาวกับน้าเขยจะมาลากตัวจากบ้านยายไปกระทำในป่าหญ้า ที่กระท่อม ที่บ้านยาย และที่บ้านพ่อแม่ด้วย ทุกครั้งที่ถูกน้าเขยกระทำจะมีน้าสาวคอยจับแขน จับขา ไม่ให้ดิ้นขัดขืน ตอนนี้ลูกสาวยังมีอาการหวาดผวา เมื่อได้ยินชื่อน้าสาวกับน้าเขย เพราะทั้งสองเคยข่มขู่จะฆ่าให้ตาย ถ้าเอาเรื่องทั้งหมดไปบอกใคร