อาชญากรรม

นิติวิทย์ฯ เผย ผลผ่าศพรอบสอง “แตงโม” ยัน ฟันไม่หัก แผลทั่วร่าง 22 จุด

โดย attayuth_b

31 มี.ค. 2565

298 views

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยธ. พร้อม พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์  ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะประธานกรรมการผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ นพ.รักษชัย นาทองไชย หัวหน้ากลุ่มพยาธิวิทยา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความในฐานะตัวแทนครอบครัวผู้ตาย ร่วมแถลงผลการผ่าพิสูจน์ร่าง แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ครั้งที่ 2 ภายหลังครอบครัวผู้ตายต้องการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพื่อให้คลายข้อสงสัยเรื่องบาดแผลตามร่างกาย

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 11 ข้อ ที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ทำผ่านทนายความมา ครบทั้งหมด แต่มีบางประเด็นเกี่ยวกับการผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 2 ที่ไม่สามารถตอบคำถามได้ บางเรื่องเป็นความรับผิดชอบของตำรวจ บางเรื่องเป็นเรื่องที่นิติวิทยาศาสตร์ ผ่าพิสูจน์รอบแรกไปแล้ว ก็ได้ให้กรรมการในรอบ 2 ฟังขั้นตอนต่างๆ ว่าถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อย ซึ่งครั้งนี้ มีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะสภาพศพที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ สำหรับข้อเรียกร้องได้แก่

1.ศีรษะ จากการผ่าพิสูจน์รอบแรกกับรอบสอง ไม่พบบาดแผลใด 2.สภาพใบหน้าของศพ มีภาพการลงพื้นที่ครั้งแรกใน จ.นนทบุรี ที่ส่งให้ตำรวจไปแล้ว โดยญาติสามารถทำเรื่องร้องขอไปเปรียบเทียบได้ ซึ่งตอบคำถามสภาพการเปลี่ยนแปลงของศพหลังการตายได้ ที่อาจเกิดจากอากาศ ความดัน 3.ลำคอที่สวมสร้อยอยู่ มีภาพแรกว่าสร้อยคอยังคงหย่อน พอเวลาผ่านไปร่างกายก็บวมจนเป็นที่สังเกต ไม่พบว่ามีการรัดคอ 4.แผลที่ขา 5.เล็บมือ ได้ตรวจซ้ำอีกครั้งว่ามีการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายหรือไม่ 6.แผ่นหลัง ไม่พบบาดแผล 7.หลอดลม 8.อวัยวะเพศ ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจแล้ว 9.เสื้อผ้าที่สวมใส่วันเสียชีวิต ในการตรวจรอบสอง ไม่ใช่ชุดเดียวกันกับที่สวมใส่ คือไม่ได้ตรวจบอดี้สูท 10.โครงสร้างกระดูกทั้งหมดไม่พบการแตกหัก เช่นฟัน ยังครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากใช้ระบบซีทีสแกนตรวจสอบ ทั้งนี้ ในการตรวจสอบก็พบบาดแผลทั้งหมด 22 จุด ส่วนรายละเอียดอื่นเป็นเรื่องของตำรวจดำเนินการ อย่างไรก็ตาม สภาพศพรอบแรกยังไม่มีการฉีดฟอร์มาลีน รอบสองฉีดแล้ว ทำให้บางอย่างตรวจได้ บางอย่างอาจไม่ยืนยันได้ ทำให้เกิดความแตกต่าง 4-5 ประเด็น

ซึ่งเรื่องบาดแผลหากจะพิสูจน์ทราบว่าเกิดจากสิ่งใด ไม่อยู่ในหน้าที่ที่สถาบันฯ จะเข้าไปทำ ถือเป็นจิ๊กซอว์ที่เอาไปต่อภาพ แต่ภาพที่ถูกสงสัยว่าบาดแผลมีการฉีกขาดของกระดูกหรือไม่ ตรวจแล้วก็ไม่พบ แต่สามารถบอกได้ว่าแผลเกิดก่อนหรือหลัง ซึ่งมีในรายงานชี้แจงไปแล้ว ศพรอบแรกในการนำขึ้นมานั้นตัวแตงโมขาว แต่เมื่อนำไปแช่ฟอร์มาลีนก็ทำให้ร่องรอยชัดขึ้น ดังนั้นแผลฉีกขาดก็ไม่ใช่แผลฉีกขาดเลย ผลวันนี้แคบลงมามากแล้ว

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า เราได้รับเรื่องตั้งแต่ 14 มี.ค. วันที่ 15 ได้ประชุมก่อนมีมติผ่าครั้งที่ 2 ตามกฎหมาย พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 ที่กำหนดว่า หากมีการร้องขอให้ตรวจสอบรอบ 2 เข้ามา สถาบันฯ ต้องรับไปดำเนินการ เพื่อไม่ให้เป็นการขัดแย้งกับการตรวจครั้งแรก ซึ่งครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยวันที่ 16 มี.ค.ได้ตั้งคณะทำงานจากแพทย์หลายสถาบัน ผ่าวันที่ 17 มี.ค.และใช้เวลา 4 วันในการตรวจสอบ ส่วนความล่าช้าที่เกิดขึ้นนั้นเพราะต้องรอผลจากห้องแลป โดยตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว ยืนยันว่าการผ่าพิสูจน์รอบ 2 ถือเป็นประโยชน์ แต่มีข้อจำกัดเรื่องสภาพศพที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งข้อมูลจะถือเป็นความลับ โดยทนายเดชา ได้รับมอบไปแล้ว ดังนั้น การจะเปิดเผยข้อมูลนั้นอาจไม่ได้ทั้งหมด การดำเนินการวันนี้เป็นการร้องขอของญาติ ไม่ใช่พนักงานสอบสวน เราจึงส่งข้อมูลให้ญาติ ทั้งนี้ เมื่อความเห็นครั้งแรกออกมาแล้ว ครั้งที่ 2 ต้องไม่เหมือนกัน แต่เป็นเพื่อทบทวนว่าครบถ้วน เป็นตามหลักวิชาการ กระบวนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเราทำไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเรา ทำกระบวนการตรวจสอบครั้งที่ 2 มาตลอด 20 ปี อย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส

ผศ.นพ.วรวีร์ กล่าวว่า ในการตรวจสอบครั้งแรกถือว่ามีมาตรฐานที่ถือว่าทำให้ตอบคำถามเกือบทั้งหมด ในรอบสองเพียงเป็นการย้ำว่าข้อสงสัยในข้อแรกนั้นใช่หรือไม่ใช่ สำหรับบาดแผลที่ขา ยังตอบไม่ได้ว่าเกิดอย่างไร โดยตำรวจจะไปจำลองการเกิดบาดแผลกับวัตถุต่างๆ อาจจะเป็นใบพัดเรือ เพื่อเปรียบเทียบกับบาดแผล ส่วนการตรวจสอบเรื่องแอลกอฮอล์นั้น ปกติแล้ว หากตายร่างกายจะไม่ขับ เพราะแอลกอฮอล์จะถูกขับจากลมหายใจ ดังนั้นการตรวจสอบจากศพจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย

สำหรับยูเรียถือเป็นองค์ประกอบในปัสสาวะ หากมีน้ำปัสสาวะในแผ่นอนามัยก็จะตรวจเจอ แต่ตรวจไม่พบ และแผ่นดังกล่าวแช่น้ำ ยูเรียจึงอาจจะถูกชะล้างไป

ด้านทนายเดชา กล่าวว่า ต้องนำเอกสารฉบับนี้ไปปรึกษากับตำรวจว่าจะเป็นประโยชน์กับการแจ้งข้อหาใครเพิ่มหรือไม่ เกิดจากเจตนาหรือความประมาท และผลต่างจากการตรวจสอบครั้งแรกหรือไม่ โดยตนยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย แต่ต้องปรึกษากับแพทย์เรื่องบาดแผล 22 จุด

สำหรับการตรวจสอบก็พบว่านิติเวช รพ.ตำรวจ ถือว่ามีมาตรฐานสากล ทุกอย่างเรียบร้อย แต่เรื่องบาดแผลอาจจะเรียกว่าเป็นสิ่งใหม่ ถือว่ามีประโยชน์ แต่ต้องดูให้ละเอียด เพราะสภาพศพถือเป็นพยาน ต้องไปดูว่ามีร่องรอยการทำร้ายหรือไม่ หากมีก็ต้องเทียบกับพยานแวดล้อม จีพีเอส เพื่อประกอบการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเจตนาฆ่า ลำพังบาดแผลยังไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากเจตนาหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่าคงไม่มีการผ่าพิสูจน์ซ้ำรอยที่ 3 ตั้งแต่ตนเป็นทนายความมามีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่คดีนี้คงพอแล้ว

ทนายเดชา กล่าวอีกว่า กรณีวานนี้มีข่าวว่าตำรวจยื่นขอศาลออกหมายจับคนบนเรือเพิ่มแล้วศาลยกคำร้องนั้นยืนยันว่าไม่เป็นจริง เพราะตำรวจคงไม่ทำอะไรให้หน้าแตก แต่เชื่อว่าเร็วๆนี้ อาจจะมีการออกหมายจับหรือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม อาจโดนยกลำเลยก็ได้ หรือเหลือเพียงคนเดียวก็ได้



คุณอาจสนใจ