อาชญากรรม

'ชัยวัฒน์' ลั่นพร้อมสู้คดี หลังอสส.สั่งฟ้องร่วมฆ่า 'บิลลี่'

โดย panwilai_c

15 ส.ค. 2565

46 views

อัยการสูงสุดชี้ขาดความเห็นแย้ง คดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีคำสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ พร้อมพวกรวม 4 คน ใน 4 ข้อหาหนักฐานร่วมกันฆ่านักต่อสู้เพื่อมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย



เอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องชี้ขาดความเห็นแย้ง กรณีคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวก รวม 4 คน ถูกกล่าวหาร่วมกันฆ่านายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ซึ่งนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่าสำนวนได้ถูกส่ง ไปหานายพรชัย ชลวาณิชกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และจะจ่ายสำนวนต่อไป ให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ1 เพื่อออกหมายนัดตัวนายชัยวัฒน์กับพวก ผู้ต้องหามา ยื่นฟ้องต่อศาล



ประกอบด้วยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร, นายบุญแทน บุษราคัม, นายธนเสฎฐ์ หรือ ไพบูลย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ใน 4 ข้อหา คือ...



1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่ตามที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือ เพื่อหลีกเลี่ยง ให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้



2.ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจโดยให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง



3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย



4.ร่วมกันทุจริตหรืออำพรางคดี กระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดไม่ได้มีคำสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์และพวก ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมองว่า ขณะเกิดเหตุกระทำในฐานะส่วนตัว และสั่งไม่ฟ้องเอกชนอีก 1 ราย ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ที่เชื่อมโยงกับข้อหาก่อนนี้



นายพอละจี หรือ บิลลี่ หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 โดยมีผู้พบเห็นว่าคนกลุ่มสุดท้ายที่พบบิลลี่ คือนายชัยวัฒน์กับพวก ซึ่งจับนายบิลลี่ ที่จุดตรวจของอุทยานฯแก่งกระจาน โดยอ้างว่ามีน้ำผึ้งป่า ก่อนจะระบุว่าได้ปล่อยตัวแล้วพร้อมรถจักรยานยนต์



การตามหาบิลลี่ ยาวนานกว่า 5 ปี กระทั่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และวันที่ 3 กันยายน 2562 พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดี ดีเอสไอในขณะนั้น แถลง พบหลักฐานที่เชื่อมโยงคดีการหายตัวไปของบิลลี่ โดยเฉพาะถังน้ำมัน และกระดูกมนุษย์ศรีษะมนุษย์ เป็นต้น ที่ใต้น้ำสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน เมื่อนำกระดูกมนษย์มาตรวจ DNA พบตรงกับแม่ของ บิลลี่ และตั้งขอสงสัยจากหลักฐานว่าเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายการ ฆาตกรรม ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการ



ก่อนหน้านี้อัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและส่งความเห็นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว จึงต้องส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด กระทั่งตอนนี้ ที่ อัยการสูงสุดมีหนังสือแจ้งคำสั่งชี้ขาด และสั่งฟ้อง



ล่าสุดนายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่าระบุว่ายังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งดังกล่าว แต่พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่นายชัยวัฒน์ระบุว่าถูกครหามาตลอด



นายชัยวัฒน์ยังระบุว่า ตอนนี้ติดตามลูกน้องที่ถูกฟ้องร่วมกันได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 1 คนยังติดต่อไม่ได้ และทั้งหมดอยู่ระหว่างปฎิบัติหน้าที่ลาดตระเวน โดยยืนยันว่าทันที ที่ได้รับเอกสารและติดต่อผู้ถูกฟ้องทั้ง 3 ได้ จะไปพบพนักงานอัยการตามนัดทันที

คุณอาจสนใจ

Related News