หลายฝ่ายร้องสร้างความปลอดภัยบนทางม้าลาย หลังอุบัติเหตุสลด ชน 'หมอกระต่าย'

ความสูญเสียในคดีที่แพทย์หญิงโรงพยาบาลรามาธิบดี เดินข้ามทางม้าลายแล้วถูกตำรวจขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนจนเสียชีวิต ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ทำให้มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้สร้างความปลอดภัยบนทางม้าลาย



เหตุการณ์นี้ต้องย้อนไปช่วงบ่ายของวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ขณะ แพทย์หญิง วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย วัย 33 ปี จักษุแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกจากโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท ขาออก และข้ามถนนตรงทางม้าลาย เพื่อกลับที่พักในซอยรางน้ำ ตรงนั้นเป็นถนน 3 เลน พอข้ามไปจนถึงเลนสุดท้ายจะถึงเกาะกลาง ปรากฎว่ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อดูคาติ สีแดง ที่วิ่งมาจากแยกพญาไทฝั่งขาออกมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัย ซึ่งมี สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ บัวดก ผู้บังคับหมู่กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขี่มาชนหมอกระต่ายอย่างแรง จนทั้งคู่กระเด็นไปไกลเกือบ 10 เมตร ทำให้หมอกระต่ายเสียชีวิต



ล่าสุดวันนี้ครอบครัวหมอกระต่าย ติดต่อขอรับศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดีท่ามกลางความเสียใจ ก่อนจะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน



นายแพทย์ อนิรุทธ์ พ่อของหมอกระต่าย ให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจที่ขี่บิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายเข้ามาขอโทษ และรดน้ำศพ พ่อของหมอกระต่าย บอกด้วยว่า แม้เขาไม่ได้เคียดแค้น แต่ยอมรับว่าโกรธที่ว่าทำไมต้องมาเกิดกับลูกตัวเอง ตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องคดีความ เป็นห่วงความรู้สึกคนในครอบครัวว่าจะอยู่กันอย่างไรต่อไป และพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของหมอกระต่าย



ทีมข่าวสอบถามไปยังพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ทราบว่า สิบตำรวจตรี นรวิทย์ ผู้ต้องหา​ เข้ารับทราบกล่าวหาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา รับสารภาพว่า วันเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเอกสารที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วจะไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อขับรถผ่านจุดเกิดเหตุได้พยายามจะชิดขวา ทำให้มองไม่เห็น ประกอบกับมาด้วยความเร็ว จึงทำให้ชนผู้เสียชีวิต เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก็ไม่พบ มีค่าเป็นศูนย์



เบื้องต้นแจ้ง 5 ข้อหา ขับรถโดยประมาทและการกระทำนั้น เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย นำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย และไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง (ไม่หยุดรถให้คนข้าม) และฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี



ซึ่งสิบตำรวจตรี นรวิทย์ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนจะปล่อยตัวโดยไม่ใช้หลักประกัน เนื่องจากเป็นการเข้ามอบตัว และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยนัดส่งฟ้องอัยการวันที่ 9 มีนาคมนี้ ส่วนรถจักรยานยนต์ส่งตรวจที่กองบังคับการตำรวจจราจร



ประเด็นเรื่องความปลอดภัยบนทางม้าลาย นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า ตนได้เคลื่อนไหวเรื่องความปลอดภัยบนทางม้าลายมาก่อนหน้านี้ แต่พบว่า ปัญหาคือ ไม่ว่า จะออกกฎหมาย เพิ่มโทษคนที่ไม่หยุดรถตรงทางม้าลาย อย่างไร ก็ยังมีรถฝ่าฝืน ขนาดโทษเมาแล้วขับหนักกว่ามาก คนก็ยังฝ่าฝืน



จึงข้อเสนอให้ใช้มาตรการทางสังคม เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นตาจราจร ใครผ่านไปตรงทางม้าลาย ให้ร่วมถ่ายภาพรถที่ไม่ยอมจอด เพื่อประนาม และ ถ่ายภาพรถที่จอด เพื่อชื่นชม มาตรการเช่นนี้ จะทำให้คนเคารพกฎหมายมากกว่า การใช้กฎหมาย ทำให้คนเคารพกฎหมาย



นอกจากนี้ นายแพทย์แม้จริง ยังเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งออกมาชี้แจงว่า รถที่ตำรวจนำมาใช้ เป็นรถของกลางหรือไม่ ทำไมไม่มีเอกสารและทะเบียนใดๆเลย



ขณะที่นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แบบอิสระไม่สังกัดพรรคการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ความสูญเสียดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่สำคัญของความปลอดภัยของการเดิน โดยเฉพาะการข้ามถนน ที่ทางม้าลายไม่ได้รับความสำคัญ หลายครั้งที่เราเห็นคนข้ามถนนบนทางม้าลาย ต้องขอบคุณรถที่หยุดรถให้ ทั้งๆ ที่มันเป็นสิทธิของคนข้ามถนนที่ทางข้าม พร้อมระบุว่า พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522 ให้สิทธิ์คนข้ามถนนที่ทางม้าลายอย่างชัดเจน ควรต้องกวดขันวินัย จราจรกันอย่างจริงจัง ลงโทษสถานหนัก จับ ปรับ จำ ยึดใบขับขี่ และแนะนำการแก้ไขทางม้าลาย เพื่อความปลอดภัยด้วย