ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว สถานการณ์โรคโควิด-19 ฉากทัศน์การแพร่ระบาด และการปฏิบัติตัวของประชาชน โดยนายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวถึง สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก พบว่า โอมิครอน ไม่ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอาการเจ็บป่วยก็ไม่รุนแรง ปัจจุบันมีการติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 106 ประเทศ

ส่วนประเทศไทย มีการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อสะสม 514 ราย ซึ่งยังอยู่ในการควบคุม แต่มีบางส่วนเล็ดลอดจากการเดินทางกลับภูมิลำเนา ไปเยี่ยมญาติ แต่ทาง สธ.ก็มีการติดตาม ขณะที่อาการกว่า 90% พบว่ามีอาการน้อย หรือแทบไม่มีอาการ

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเดลตา และ โอมิครอน พบว่า ความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ลดลงอยู่ที่ 20-25% และอาการอยู่เพียงแค่หลอดลม ไม่ค่อยลงปอด จึงทำให้มีอาการแค่ไอ แต่ถ้าลงปอด ก็มีความอันตรายเช่นเดียวกับเดลตา ส่วนการรักษาเมื่อให้ยาฟาวิพิราเวียร์ พบว่าอาการดีขึ้นใน 24-72 ชั่วโมง

ขณะที่ตั้งแต่เปิดประเทศ พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน ส่วนในไทย ยอดผู้เสียชีวิตยังเป็นผู้สูงอายุและบุคคลที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จึงขอให้กลุ่มคนดังกล่าวรีบเข้าฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้แบ่งฉากทัศน์ พยากรณ์ ออกเป็น 3 แบบ เมื่อมีโอมิครอน คือ

1. พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 และฉีดวัคซีนใกล้เคียงช่วงเดือน ธ.ค. 64 ประชาชนส่วนใหญ่ย่อหย่อนต่อการปฏิบัติตนตาม Universal Prevention อาจมีการติดเชื้อสูงถึง 3 หมื่นคน การเสียชีวิตอยู่ที่ 100-170 คน

2. โอกาสติดเชื้อสูงช่วงปีใหม่ ฉีดวัคซีนใกล้เคียงช่วงเดือน ธ.ค. 64 ขณะที่ทุกภาคส่วนยังคงปฏิบัติตามมาตรการ VUCA คือ V - Vaccine ฉีดครบ ลดป่วยหนัก U - Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด C - COVID Free Setting และ A -ATK ตรวจเมื่อมีความเสี่ยง อย่างเคร่งครัด อาจมีผู้ติดเชื้อประมาณ 15,000 คน อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 80 คน

3.รอผลโอกาสติดเชื้อเพิ่มปานกลาง เพราะฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นในทุกกลุ่ม ลดกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมาก อาจจะมีการติดเชื้อต่ำกว่า 10,000 คน อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 40-20 คน

ส่วนเรื่องเตียง ยืนยันว่ามีเพียงพอ เช่นเดียวกับเรื่องยารักษา มียาฟาวิพิราเวียร์ในคลังถึงกว่า 15 ล้านเม็ด แม้สถานการณ์ทั่วโลกจะมีอัตรการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ในไทย มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อยืนยัน ผู้ป่วยหนัก ผู้เสียชีวิตลดลง จึงของให้ทุกภาคส่วนช่วยกันปฏิบัติมาตรการ หลังปีใหม่มีการคาดการณ์ อาจพบการติดเชื้อและเสียชีวิตไม่เพิ่มสูงมาก ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 65 ส่วนโอมิครอน ผู้ติดเชื้ออาการหนักมีแนวโน้มน้อยกว่าเดลตา

เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ (28 ก.พ. 65) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ ภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า

ในจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาเป็นการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลถึง 38,479 ราย และจำนวนกว่า 98% เป็นผู้ป่วยอาการสีเขียว ปัจจุบันผู้ป่วยเกิน 90% เป็นการติดเชื้อโอมิครอน กระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นย้ำให้ผู้มีอาการน้อยรักษาตัวที่บ้าน สงวนเตียงให้ผู้ป่วยอาการสีเหลืองและแดง หรือที่มีความจำเป็นจริงๆ

ทั้งผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ที่ต้องทานยากดภูมิ คนกลุ่มนี้แม้อาการจะน้อยแต่ก็อาจกระทบกับโรคหลักได้ ทางโรงพยาบาลจึงจะพิจารณาให้อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เรามีเตียงเพียงพอ จึงให้ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่เมื่อมีผู้ติดเชื้อมากจึงอยากขอสวงนสิทธิให้กับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/n5auyXG_mqE