เผยนาทีลาจาก มะเร็งปอดคร่า 'อาต้อย เศรษฐา' จากนักร้องวงดัง คู่ชีวิตนางเอกแถวหน้า สู่ศิลปินแห่งชาติ

บันเทิง

เผยนาทีลาจาก มะเร็งปอดคร่า 'อาต้อย เศรษฐา' จากนักร้องวงดัง คู่ชีวิตนางเอกแถวหน้า สู่ศิลปินแห่งชาติ

โดย thichaphat_d

21 ก.พ. 2565

1.1K views

ข่าวสุดเศร้าของวงการบันเทิงเมื่อวานนี้ กับการสูญเสียศิลปินแห่งชาติ ผู้เป็นที่รักของคนในวงการบันเทิง ‘อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา’ วัย 77 ปี ที่ได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ต้องกลับเข้าไปรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 เป็นครั้งที่สอง


โดย ‘อี๊ฟ พุทธธิดา’ ลูกสาว ‘อาต้อย’ ได้โพสต์รูปท้องฟ้า พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “4.42” ซึ่งก็มีคนเข้าไปให้กำลังใจอย่างมากมาย


โดยทางครอบครัวเผยว่า ‘อาต้อย’ กลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และเมื่อวันเสาร์ ‘อาต้อย’ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลตามที่แพทย์นัด เพื่อไปตรวจเช็กร่างกาย ปรากฎว่าคุณหมอแนะนำให้แอดมิท เพื่อให้น้ำเกลือ และหลังจากนั้น ‘อาต้อย’ ก็ได้จากไปอย่างสงบ ในเวลาตี 4.42 น. เมื่อเช้ามือวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ‘อี๊ฟ พุทธธิดา’ ลูกสาวของ ‘อาต้อย’ เผยว่าก่อนหน้านี้คุณพ่อได้หยุดการให้คีโมจากการรักษาครั้งแรกมาแล้ว 3 เดือน หลังจากก้อนมะเร็งที่ปอดที่เคยมีขนาด 8 เซนติเมตร ลดลงเหลือประมาณ 4 เซนติเมตร


แต่ปรากฎว่าคุณหมอตรวจพบว่า ก้อนมะเร็งกลับมาโตขึ้น และได้กระจายไปจุดอื่นเพิ่ม ซึ่งจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือที่ต่อมหมวกไต คุณหมอก็เลยต้องให้กลับมารักษาด้วยการให้คีโมใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้ ‘อาต้อย’ ก็มีอาการแพ้คีโมมากกว่าการรักษาครั้งแรก ส่งผลให้ทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักตัวลดเหลือเพียง 50 กิโลกรัม จนต้องให้อาหารทางสายยาง


ซึ่งที่ผ่านมา ‘อาต้อย’ มีกำลังใจที่ดีจากครอบครัว ทั้งจาก ‘อาเปี๊ยก อรัญญา’ ภรรยาคู่ชีวิต รวมถึงลูกๆ และหลานชาย ‘น้องมีบุญ’ ที่ถือเป็นยาใจชั้นดีของ ‘อาต้อย’


สำหรับประวัติของ ‘อาต้อย - เศรษฐา ศิระฉายา’ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ จบปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จบปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต MBA มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และปริญญาเอก จากคณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี


‘อาต้อย เศรษฐา’ เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุประมาณ 16 ปี ด้วยการขนเครื่องดนตรีในวงดนตรี ตามคำชักชวนของน้าชาย ‘สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์’ อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง


ต่อมา ‘ต้อย เศรษฐา’ ได้ฝึกหัดทักษะด้านดนตรีแบบครูพักลักจำ จนกระทั่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องตามสถานบันเทิงต่างๆ จนกระทั่งได้รวมตัวกับเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรี Holiday J-3 ร่วมกับ ‘วินัย พันธุรักษ์, พิชัย ทองเนียม, อนุสรณ์ พัฒนกุล และ สุเมธ อินทรสูต’ ซึ่งต่อมา เปลี่ยนชื่อวงเป็น Joint Reaction และเปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งในชื่อ “ดิอิมพอสซิเบิ้ล” (The Impossibles) ซึ่งเป็นชื่อการ์ตูนชื่อดังของอเมริกาในสมัยนั้น โดย ‘ต้อย เศรษฐา’ รับบทบาทเป็นนักร้องนำ


จากนั้นในปี พ.ศ. 2512 “วงดิอิมพอสซิเบิ้ล” สามารถคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลให้วงดนตรีเริ่มเป็นที่นิยมและเป็นจุดเปลี่ยนให้ ‘ต้อย เศรษฐา’ ได้เข้ามาเล่นภาพยนตร์เป็นครั้งแรก จากการทาบทามโดย ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ที่ได้ทาบทามให้ ‘อาต้อย’ และเพื่อนๆ มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “โทน” ในปี 2513


หลังจากนั้น “วงดิอิมพอสซิเบิ้ล” ยังคงชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบอีก 2 ครั้งติดต่อกัน  และได้บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิเรื่อง ดวง (2514) , สวนสน (2514) , ระเริงชล (2515) , ตัดเหลี่ยมเพชร (2518) ฯลฯ  ทำให้ “วงดิอิมพอสซิเบิ้ล” กลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง


ปี พ.ศ. 2518 หลังกลับมาจากการไปทัวร์ที่ต่างประเทศ ‘ต้อย เศรษฐา’ ก็ได้รับการชักชวนจาก ‘ป้าจุ๊ - จุรี โอศิริ’ ให้มาแสดงภาพยนตร์อย่างจริงจังครั้งแรกคือเรื่อง “ฝ้ายแกมแพร” ในปี 2518 และก็ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองจากผลงานเรื่องนี้ด้วย


ปี พ.ศ. 2520 “วงดิอิมพอสซิเบิ้ล” ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ “ต้อย เศรษฐา” จึงก้าวเข้าสู่การแสดงอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งการเป็นพิธีกรและนักแสดง โดยเฉพาะภาพจำความเป็นพิธีกรของ “ต้อย เศรษฐา” คือการเป็นพิธีกรในตำนานอย่างรายการ "มาตามนัด" คู่กับ “ตุ๊ก ญาณี” รวมถึงพิธีกรรายการปฏิบัติการล่าฝัน Academy Fantasia รายการเรียลลิตี้เพื่อเฟ้นหานักร้องที่โด่งดังมากๆ โดยมี ‘อาต้อย’ เปรียบเสมือนเป็นโลโก้ของรายการ


ผลงานที่โดดเด่นที่สุดอีกเรื่องของ “ต้อย เศรษฐา” คือเรื่อง “ชื่นรัก” ในปี 2522 ซึ่งได้รับบทพระเอกประกบคู่กับ “อรัญญา นามวงศ์” นางเอกชื่อดังในยุคนั้น และถือเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่ให้กลายเป็นคู่ชีวิตกัน  และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ ‘อี๊ฟ พุทธธิดา’  


ปี พ.ศ. 2554 ‘เศรษฐา ศิระฉายา’ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)


จากนั้นช่วงประมาณกลางปี 2562 ครอบครัวศิระฉายาได้รับข่าวร้าย เมื่อ ‘ต้อย เศรษฐา’ ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอด แต่ ‘อาต้อย’ ก็มีกำลังใจดีทั้งจากครอบครัวและคนรอบข้าง ทำให้ ‘อาต้อย’ สามารถต่อสู้กับโรคร้าย จนอาการป่วยดีขึ้น


จนกระทั่งกลางเดือนเมษายนปีที่แล้ว ครอบครัวศิระฉายา ต้องพบกับข่าวไม่ดีอีกครั้ง หลังตรวจพบว่า ‘อาต้อย’ ติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งทำเอาหลายคนเป็นห่วงไม่น้อย เนื่องจาก ‘อาต้อย’ มีโรคประจำตัวคือ โรคมะเร็งปอดที่กำลังรักษาตัวอยู่  แต่สุดท้าย ‘อาต้อย’ ก็ต่อสู้จนเอาชนะโรคโควิดได้ หลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่าครึ่งเดือน


แต่สุดท้ายเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ก้อนเนื้อมะเร็งที่ปอดได้กลับมาลุกลามอีกครั้ง ทำให้ ‘อาต้อย’ ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการให้คีโมเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งผลข้างเคียงรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมาก ส่งผลให้ ‘อาต้อย’ มีอาการอาเจียน ท้องเสีย และทานอาหารไม่ค่อยได้ จนร่างกายซูบผอมเหลือน้ำหนักเพียง 50 กิโลกรัม จึงทำให้ ‘อาต้อย’ ไม่สามารถรักษาตัวการให้คีโมต่อได้ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ลดลงมาก จนหมอต้องตัดสินใจให้อาหารทางสายยาง และต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยขึ้น จนในที่สุด ‘อาต้อย’ ก็ได้จากไปอย่างสงบ


โดยในเวลา 11.00 น. วันนี้ (21 ก.พ. 65) ครอบครัวจะทำการเคลื่อนร่าง ‘อาต้อย’ เพื่อไปจัดพิธีบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 15.00 น. จากนั้นในเวลา 17.30 น. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมในเวลา 19.00 น. เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ก่อนจะเก็บร่างไว้ 100 วันเพื่อรอพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/eaW2DBLXuUo

คุณอาจสนใจ

Related News