วันที่ 19 ก.พ.65 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากการอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตลอดสองวันที่ผ่านมา ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้น่าพอใจแม้จะไม่ถึงกับร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเราทำงานภายใต้ข้อจำกัดเนื่องจากจะอภิปรายตามมาตรา 152 ทำได้เพียงเท่านี้ ข้อมูลอาจจะไม่ลึกหรือเข้มข้นเท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 แต่ฝ่ายค้านก็ได้นำเอาปัญหาหรืออะไรที่ไม่ชอบมาพากลมาถกแถลงเพื่อให้รัฐบาลได้ชี้แจง ถือว่าทุกคนทำหน้าที่ได้ดี


ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือตอบไม่ตรงประเด็น เรื่องที่ควรตอบก็ไม่ตอบ เรื่องที่ไม่ควรตอบกลับตอบ พูดตามสคริปต์ บางเรื่องเหมือนเอาบทความมาอ่าน เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีตอบคำถามไม่ได้ แสดงออกถึงความไม่รู้ ถึงพูดไปเรื่อยตอบไม่ตรงประเด็น เอาท่วมเข้าว่า พูดงง ๆ เข้าไว้


นายสุทิน กล่าวต่อว่า การอภิปรายตามมาตรา 152 จะเป็นการบังคับสองฝ่าย โดยเจ้าของญัตติจะต้องซักถามและเสนอแนะ สิ่งสำคัญคือรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี จะต้องฟังให้มากที่สุด ถือเป็นมารยาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่นั่งฟังให้จบ ยิ่งในช่วงที่ตนสรุป ท่านยิ่งต้องอยู่ฟังและรอตอบคำถาม แต่สุดท้ายก็ไม่นั่งอยู่เพื่อรับฟัง เชื่อว่าท่านคงรับความจริงไม่ได้ ตอบคำถามก็ไม่ได้


จากคะแนนเต็ม 10 คงให้นายกรัฐมนตรี ได้แค่ 4 คะแนน เป็นคะแนนที่ให้ค่าความพยายามในการอ่านสคริปต์ ส่วนคะแนนที่หายไปหักพัฒนาการอารมณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่กลับมาแย่อีกแล้ว นายกรัฐมนตรีแสดงออกทางอารมณ์ได้แย่กว่าทุกครั้ง


ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าหากฝ่ายค้านเปิดใจกว้างก็จะพบกับความจริงว่า นายกรัฐมนตรีตอบคำถามได้ครอบคลุมชัดเจนในทุกประเด็น ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับที่ฝ่ายค้านหวังเอาไว้ว่ารัฐบาลอาจจะตอบได้ไม่ชัดเจน ฝ่ายค้านเองจึงออกอาการเป๋ ทำตัวไม่ถูก เปลี่ยนจากอภิปรายแบบ ส.ส.อภิปรายในสภา กลายเป็นนักเลงอันธพาล เน้นยั่วยุ เสียดสี สาดโคลนชนิดที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นหากบอกว่าบางคำถามไม่มีคำตอบ เชื่อว่าฝ่ายค้านเองก็คงไม่ได้หวังจะได้คำตอบ หรือพูดชัด ๆ ก็คือ หูไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบ แต่หวังเอามัน ขอให้ได้ดิสเครดิตรัฐบาลก็พอ


การอ้างว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญประชาชนเรียกร้องให้ตัดอำนาจ ส.ว. ไม่ให้เลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่แน่ใจว่าประชาชนหรือฝ่ายค้านกันแน่ที่เรียกร้อง ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายค้านเองทราบดีอยู่เต็มอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของท่านนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเรื่องที่ ส.ส. ต้องไปพิจารณากันเองในสภา


ส่วนที่บอกว่าท่านนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบโต้ด้วยอารมณ์ แต่ไม่มีเนื้อหาชี้แจงประเด็นข้อซักถามนั้น ฝ่ายค้านควรหันกลับไปมองตัวเองก่อนจะดีกว่า ว่าจริง ๆ แล้วฝ่ายค้านถามด้วยเนื้อหาหรือว่าถามแบบอารมณ์อันธพาล และเนื้อหาที่ว่าเป็นข้อซักถามนั้นเป็นการซักถามจริงหรือไม่ หรือแค่หวังก่อกวนไปวัน ๆ เท่านั้น อยากให้เลิกนิสัยว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเสียที เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ทุกวันนี้จะมีหรือไม่มีฝ่ายค้านก็แทบจะไม่ต่างกันอยู่แล้ว เพราะฝ่ายค้านไม่เคยทำหน้าที่ของตัวเอง