สถานการณ์ในยูเครนทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายชาติเรียกร้องให้พลเมืองของตัวเองเดินทางออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด หลังมีคำเตือนว่าสงครามในยูเครนอาจปะทุได้ทุกเมื่อ ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ กับรัสเซีย เตรียมพูดคุยกันในวันนี้ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์


ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เตรียมพูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพื่อหารือถึงสถานการณ์ในยูเครน ที่ทวีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยทางทำเนียบขาว เปิดเผยว่า แม้ประธานาธิบดีปูติน ขอให้เลื่อนการพูดคุยกับผู้นำประเทศต่าง ๆ ไปเป็นวันจันทร์หน้า แต่ทางด้านประธานาธิบดีไบเดน ต้องการหารือให้เร็วที่สุด


ล่าสุด มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์สั่งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตบางส่วน เดินทางออกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟแล้ว พร้อมสั่งระงับการให้บริการตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คงไว้เฉพาะสถานกงสุลตามเมืองเล็ก ๆ


ขณะที่ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งอังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, และนิวซีแลนด์ ก็แนะนำให้พลเมืองของตนออกจากยูเครนด้วยเช่นกัน


โดยนายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ให้เหตุผลว่าสถานการณ์ในขณะนี้ มีความอันตรายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนนิวซีแลนด์ กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า นิวซีแลนด์ไม่มีสถานทูตในยูเครน ซึ่งอาจทำให้การช่วยเหลือมีข้อจำกัด ขณะที่อังกฤษ แนะนำให้ประชาชนอย่ารอการอพยพทางทหาร พร้อมย้ำว่า สถานการณ์ในยูเครนมีความแตกต่างจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน


ขณะที่ เมื่อวานนี้ เจค ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียอาจจะสั่งการบุกยูเครน ก่อนสิ้นสุดโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่งก็เป็นได้ ซึ่งโอลิมปิกฤดูหนาวจะสิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซัลลิแวนยังเตือนชาวอเมริกันให้ออกจากยูเครนภายใน 48 ชั่วโมง


คำเตือนเรื่องการอพยพมีขึ้น หลังจากที่บริษัทเอกชนสหรัฐฯ เผยภาพถ่ายดาวเทียมบันทึกภาพได้ว่า รัสเซียกำลังระดมทหารเข้าไปเพิ่มอีกในหลายจุดใกล้พรมแดนยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ เชื่อว่า รัสเซียระดมทหารเข้าใกล้ยูเครนมากพอที่จะเริ่มปฏิบัติการบุกได้แล้ว


ด้าน แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันจะประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจทันที หากรัสเซียบุกยูเครน


อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลรัสเซียยังคงปฏิเสธคำเตือนดังกล่าว พร้อมย้ำว่าการระดมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นาย ไปประชิดพรมแดนของยูเครนนั้น มีขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของตัวเองจากการรุนรานของพันธมิตรนาโต้ พร้อมยังกล่าวว่าชาติตะวันตกกำลังสร้างความหวาดกลัว


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ยังได้สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากยูเครนแล้ว เนื่องจากหวั่นวิตกว่าอาจเกิดการยั่วยุจากยูเครนและประเทศอื่น ๆ


ทั้งนี้ ความตึงเครียดในปัจจุบันเกิดขึ้น หลังจากที่รัสเซียผนวกดินแดนในคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ ของยูเครน เข้าไปเป็นของตัวเอง เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองทัพของยูเครน ต้องทำสงครามกับกลุ่มกบฏ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ในพื้นที่ทางตะวันออก ที่อยู่ใกล้กับพรมแดนของรัสเซียมาโดยตลอด


และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้สถานการณ์ในยูเครนตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากรัสเซียไม่ต้องการให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นาโต้ ยุติการเคลื่อนไหวทางทหารและการติดตั้งอาวุธในยุโรปตะวันออก อย่างไรก็ตาม นาโต้ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว