ข่าวดีของวงการแพทย์ไทยที่สำเร็จไปอีกขั้น เมื่อทีมวิจัยโรคมะเร็ง ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนาวัคซีนรักษามะเร็งเฉพาะบุคคลขึ้น โดยพบว่าให้ผลตอบสนองต่อการสร้างภูมิคุ้มกันเป็นอย่างดี และ ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ ต่อผู้ป่วย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบระยะต่อไป และเตรียมขยายไปที่ผู้ป่วยมะเร็งกลุ่มอื่น


หลักการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดของวัคซีนรักษามะเร็งเฉพาะบุคคล เริ่มตั้งแต่การนำชิ้นเนื้อมาวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง เพื่อผลิตวัคซีนเฉพาะมาฉีดให้กับผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้ร่างกายกระตุ้นเม็ดเลือดขาวไปกำจัดเซลล์มะเร็งนั้น


ผลงานของทีมวิจัยจากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขณะนี้เริ่มทดสอบระยะแรกในมนุษย์แล้ว เป็นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งไต และ ผิวหนัง ระยะที่ 4 รวม 4 คน เมื่อได้รับวัคซีนไปแล้วพบว่า ผู้ป่วยตอบสนองเป็นอย่างดี ทั้งการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและผลข้างเคียงน้อย พบเพียงอาการปวดเจ็บ บริเวณที่ฉีดวัคซีนเท่านั้น โดยใช้ระยะเวลาติดตามตลอด 1 ปีที่ผ่านมมา


นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้าทีมนักวิจัย เล่าว่า การรักษาจะใช้เวลา 2 เดือน ผลิตวัคซีน เฉพาะผู้ป่วยแต่ละคน เมื่อได้วัคซีนแล้ว จึงนำมาฉีดให้กับผู้ป่วย โดยผู้ป่วย 1 คน จะใช้วัคซีน 20 รูปแบบ ใน 1 ครั้งที่ฉีด เพื่อดูผลการตอบสนองในการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ละครั้งจะได้รับวัคซีน เว้นระยะห่าง 1-2 เดือน จนครบ 7 เข็ม ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการทดลองอยู่มาก ก่อนต่อยอดสู่การทดสอบทางคลินิกในระยะที่ 2 ต่อไป ทั้งการเพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่เข้าร่วมการศึกษา และ ขยายกลุ่มอาการป่วยเพิ่มเติม เป็น กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านม,มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปอด


ในอีกสี่ปีข้างหน้านี้ หรือ ปี 2569 ทีมวิจัยตั้งเป้าจะเริ่มเปิดให้บริการวัคซีนรักษามะเร็งในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมกับการวิจัยและพัฒนายาแอนตี้บอดี้รักษามะเร็งคู่ขนานกันไป ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการผลิตในโรงงาน เพื่อมาเริ่มทดสอบกับสัตว์ทดลองในปี 2565 นี้ หากวัคซีนรักษามะเร็งและยาแอนติบอดีประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถใช้กระบวนการรักษาทั้ง 2 นี้ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็งให้ดีขึ้นได้