เจ้าหน้าที่ไทยประสานเจ้าหน้าที่กัมพูชาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวไทยจำนวน 71 หมายจับ หลังจากมีพฤติกรรมเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงคนไทยสูญเสียเงินมูลค่ากว่า 1 พันล้าน โดยสามารถจับกุมได้ 21 คน บางคนรับสารภาพว่าหลอกลวงคนไทยได้เงินกว่า 1.6 ล้านบาท และได้รับค่าส่วนแบ่ง จนมีความชำนาญในการหลอกเหยื่อ ทำให้นายทุนชาวจีนจ้างเป็นโคชสอนวิธีการหลอกเหยื่อให้ได้เงินล้าน 


เบื้องหลังปฏิบัติการเข้าทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ของเจ้าหน้าที่ไทย ก่อนจะได้ตัวแก๊งคอลเซนเตอร์ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเฝ้าสังเกตการณ์ บริเวณหน้าอาคาร ซึ่งแหล่งที่ทำงานของแก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อความชัดเจนในพยานหลักฐาน แม้จะมีหมายจับล็อตแรกแล้ว 17 คน และล็อต2อีก 54 คนรวมทั้งหมด 71 คน เจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชติหรือ PCT และพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 และกระทรวงดิจิทัล ส่งหมายจับให้ผู้แทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา


ก่อนจะเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้น 3 เป้าหมาย ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นโรงแรม บนชั้น 9 จุดนี้เป็นการหลอกให้ลงทุนในการซื้อเหรียญดิจิทัลผ่านเว็บ มีนายทุนเป็นชาวจีน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ยังได้ไปยังเมืองพระสีหนุ ซึ่งเป็นอาคาร ชั้นบนสุด เป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่โทรแอบอ้างเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ มีชาวจีนเป็นหัวหน้าควบคุมสั่งการ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท จับผู้ต้องหาได้ 6 คน และจุดที่ 3 เป็นอาคารไชน่าทาวร์ ซึ่งหลอกให้ร่วมลงทุน มูลค่า 500 ล้านบาท จับผู้ต้องหาได 13 คน


พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ ได้สอบถามผู้ต้องหาเบี้ยงต้น ยอมรับว่าเพิ่งหลอกคนไทยด้วยกันมาได้ 1.6 ล้านบาท และเป็นโคชสอนการหลอกให้ทีมงานด้วย และโฉมหน้าของผู้ต้องหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่จับได้ ซึ่งนับเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทำหน้าที่หลอกคนไทย เบื้องต้นตำรวจอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบที่มาของเงินที่ผิดปกติแล้ว จากหมายจับผู้ต้องหาล็อตแรก 17 ราย จับได้ 6 ราย และทางการไทยได้ส่งหมายจับนายปอ หนวดงาม หรือ นายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ อายุ 34ปี คนดูแลแก๊งคอลเซนแตอร์ให้ทางการกัมพูชาแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัว


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะต้องประสานข้อมูลหมายจับเพื่อนำคนกลุ่มนี้มาลงโทษให้ได้ รวมถึงการอายัดบัญชี ที่อยากให้มีการประสานกันระหว่างประเทศ หากทำได้จะลดความเดือดร้อนของผู้เสียหายได้มาก


ขณะที่กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ก็ประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทย แบงค์ชาติ ตำรวจและปปง. เพื่อดำเนินดคีกับกลุ่มผู้เปิดบัญชีม้าให้มีความผิดฐานการฟอกเงิน และประสานงานระหวางประเทศในการขอข้อมูลIP adressของผู้กระทำผิด โดยทำMOUกับประเทศเพื่อนบ้าน


สว่นผู้ต้องหาทั้ง 21 คน ที่ถูกจับได้เดินทางถึงด่านชายแดนที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้ว แต่ต้องกักตัวตามมาตรการป้องกันเชื้อโรคก่อน