ป้านัยนา อายุ 60 ปี น้องสาวอดีตเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก พาทีมข่าวเข้าไปดูภายในบ้านพักของอดีตเจ้าอาวาส ภายในซอยโรงเรียนฉัตรทิพย์ ซึ่งเป็นบ้านไม้ยกสูง มีห้องพักด้านบน 1 ห้อง เมื่อเปิดเข้าไป ก็เป็นห้องนอน ที่พี่น้องอยู่อาศัย และมีตู้เสื้อผ้า



ขณะที่รอบบ้านก็ไม่พบตัวของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเฉพาะบ้านหลังนี้ อยู่อาศัยกัน 3 คน ส่วนอดีตเจ้าอาวาสไม่ได้มาพักอาศัยที่นี่นานแล้ว



นอกจากนี้ ยังพาเดินดูบ้านญาติพี่น้องอีก 4 หลังที่เหลือ ที่อยู่ภายในอาณาบริเวณเดียวกัน เพื่อยืนยันว่าไม่ได้พาอดีตเจ้าอาวาสมาซ่อนตัว หลังอาบัติปาราชิก



นางนัยนา ยืนยันกับทีมข่าวว่า ไม่มีการซ่อน อดีตเจ้าอาวาสไว้อย่างแน่นอน ไม่มุสา และยินดีที่จะให้เดินดูรอบบ้านเพื่อความบริสุทธิ์ใจ เพราะขนาดญาติพี่น้องทุกคนก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากที่กลับจาก สภ.สำโรงใต้ รวมถึงจะโทรศัพท์ไปหาก็ไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ที่ชาร์จอยู่ภายในกุฎิ ในคืนเกิดเหตุก็หายไป เลยไม่รู้ว่าอดีตเจ้าอาวาสไปอยู่ไหน และเป็นยังไง



ทั้งนี้ยืนยัน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการวางงาน เนื่องจากขัดผลประโยชน์ คนไม่ชอบท่าน พอทำโดรม ก็โดนด่าน พอทำเสร็จก็เอารถไปจอดกัน พอเขาเก็บเงินก็โดนด่า จะทำอะไรก็โดนด่า พอทำเองก็โดนด่า ไม่รู้จะไปอยู่ทำไมที่วัด ตนก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้อดีตเจ้าอาวาสด้วย ที่ผ่านมามีคนพยายามร้องเรียนหลายครั้ง แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ และที่พบชุดชั้นใน ก็ไม่ใช่ของสีกาที่พบในกุฎิ เพราะตอนที่ตนเข้าไปเห็นว่าฝ่ายหญิงมีการสวมชุดชั้นในอยู่ แต่จะเป็นของใครไม่รู้



ส่วนตัวยอมรับว่าโมโหสีกาที่ปรากฏตัวในกุฎิ เพราะเป็นเหมือนกับลูกหลานรู้จักมาเป็น 10 ปี กินข้าวหม้อเดียวกัน อยากถามฝ่ายหญิงว่าเข้าไปทำอะไร พยายามโทรหาสีกาคนนั้นก็ไม่ติด และอยากให้ออกมาพูดเพื่อให้สิ้นความสงสัย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สีกาเข้ากุฎิเวลาประมาณ 4 โมงเย็น หมอปลาก็มาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ดูเป็นการวางแผนเอาไว้หรือไม่ และรู้ได้อย่างไร



ส่วนประเด็นเรื่องรักสามเส้า ยืนยันไม่ใช่ความจริง และคนที่ถูกกล่าวถึงว่าขายมะม่วง ในวัด ก็เป็นญาติๆกัน รวมถึงประเด็นสุรา ตอนเป็นฆราวาส อดีตเจ้าอาวาสยังไม่เคยดื่มเลย



และอีกหนึ่งกรณีที่หลายคนตั้งข้อสงสัย เกี่ยวกับเรื่องเงินภายในวัด หากอดีตเจ้าอาวาสนำมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนจริง บ้านที่อยู่อาศัยของพี่น้องคงใหญ่โตกว่านี้ พร้อมกับชี้ให้ทีมข่าวดูสภาพบ้าน หรือแม้แต่เงินทำบุญ เงินกฐิน ครอบครัวก็ไม่เคยได้ไปยุ่งหรือแตะต้อง จึงอยากให้ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางคณะกรรมการวัดแทน



พร้อมกันนี้ ยังระบุถึง ข้าวของที่เจอในกุฏิ และสาเหตุที่พี่ชาย ทำแบบนั้น ก็เพราะตกใจ จนควบคุมสติไม่อยู่



ขณะที่ทีมข่าวได้คุยกับ พี่สาวของอดีตเจ้าอาวาส อายุ 67 ปี พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับยางมัดผมที่พบ ว่า ปกติเข้าไปช่วยทำความสะอาดภายในกุฎิ ก็เคยเห็นยางมัดผมเส้นนี้มานานแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นของใคร ส่วนชุดชั้นในที่พบ ก็ไม่ทราบเป็นของใคร แต่เชื่อว่าเป็นของคนที่ไม่หวังดี



ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่พบ ยืนยันว่าใช้สำหรับในการสักการะไหว้ศาล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น พี่สาวก็เริ่มน้ำตาคลอ และบอกว่าไม่รู้ว่าน้องชาย เป็นอย่างไรบ้าง เพราะครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้เลย พร้อมวอนสังคมช่วยให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตนเองด้วย



กระทั่งช่วงบ่าย พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ ร่วมกับ พระบุญมี กิตติธโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก จัดชุดตรวจสารเสพติดมาทำการตรวจสารเสพติดพระลูกวัดบางหญ้าแพรกทั้งหมด 38 รูป ผลการตรวจพระลูกวัด จำนวน 33 รูปไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด พระลูกวัดอีกจำนวน 5 รูป อาพาธ (ป่วย) พักรักษาอยู่ในกุฏิ



ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.ชาตรี หนูมา รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากพระบุญมี กิตติธโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ว่าที่ศาลา 4 ซึ่งเป็นศาลาที่ทำการของอดีตเจ้าอาวาส ถูกงัดหน้าต่างข้าง มณฑก 2 บาน เปิดอ้าไว้ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยการงัดแงะที่ขอบหน้าต่างทั้งด้านบนและด้านล่าง



จากการสอบถาม พระบุญมี กิตติธโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก เล่าว่า ศาลาดังกล่าว อดีตเจ้าอาวาสมักจะเอาไว้ใช้เป็นทำการ และจะไม่ค่อยลงกลอนหน้าต่าง จึงได้ให้พระลูกวัดนำไม้มาพาดยาวตอกตะปูปิดหน้าต่างไว้เพื่อป้องกันการงัดแงะเข้าไปขโมยของ



เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนก่อเหตุ และยังไม่ได้ตรวจสอบภายในศาลาว่ามีทรัพย์สินสูญหายไปหรือไม่ ต้องรอทางวัดอนุญาตให้เปิดศาลาก่อน

รับชมทางยูทูบที่ :https://youtu.be/EcnxlxboFY8