เร่งล่าแก๊งตระเวนหลอกเคลียร์ริ่งเช็คซื้อทอง เหยื่อสูญทอง 100 บาท อีก 2 ร้านไหวตัวทัน

สังคม

เร่งล่าแก๊งตระเวนหลอกเคลียร์ริ่งเช็คซื้อทอง เหยื่อสูญทอง 100 บาท อีก 2 ร้านไหวตัวทัน

โดย passamon_a

12 ก.พ. 2565

339 views

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ได้รับแจ้งจากร้านทองศรีรุ่งเรือง อยู่ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย ว่ามีคนร้ายเข้ามาหลอกซื้อทองที่ร้าน โดยกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายเป็นชายไทย สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ สวมหน้ากากอนามัยสีดำ รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผมรองทรงยาว เข้าไปในร้านทองศรีรุ่งเรือง แจ้งกับทางร้านว่าต้องการซื้อทองไปแจกให้ญาติพี่น้อง โดยจะมีคนโอนเงินเข้าบัญชี


สักพักแจ้งกับทางร้านว่ามีคนโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว ทางเจ้าของร้านทองได้โทรศัพท์ติดต่อกับธนาคารขอให้ตรวจสอบเงินเข้าบัญชี ทางธนาคารก็แจ้งว่ามีตัวเลขเงินในบัญชีแล้ว 2.9 ล้านบาท ทางร้านจึงได้นำทองรูปพรรณจำนวน 100 บาท ให้กับคนร้ายไป ประมาณ 15 นาที เจ้าของร้านได้ตรวจสอบเงินพบว่าเป็นการนำเงินเข้าบัญชีโดยเช็คเคลียร์ริ่ง ทำให้รู้ตัวว่าน่าจะถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ


หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ามีคนร้ายปกปิดใบหน้า ทางร้านไม่ได้ขอดูบัตรประจำตัวประชาชนของคนร้าย และไม่ได้ขอให้เปิดหน้าให้ทางร้านดู ซึ่งคนร้ายได้เขียนชื่อคาดว่าจะเป็นชื่อปลอมให้ทางร้าน อีกทั้งทางร้านก็ไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์คนร้ายไว้ด้วย


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปขอตรวจสอบที่ธนาคารในกระบวนการเคลียร์ริ่งเช็ค ต้องมีการเปิดหน้า มีบัตรประชาชนเป็นหลักฐาน ขณะนี้ทราบชื่อเจ้าของบัญชีที่ไปดำเนินการเคลียร์ริ่งแล้ว เป็นผู้หญิง ชื่อ น.ส.พิชชาภา ครณรงค์ เมื่อนำชื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเคยมีพฤติกรรมก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวที่จังหวัดระยอง เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ใช้เทคโนโลยีในการติดตาม ไล่เช็คกล้องวงจรปิดตามจุดสำคัญต่าง ๆ เร่งติดตาม รู้ตัว 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือผู้ชายที่หลบหนี


ขณะที่เจ้าของร้านทองศรีรุ่งเรือง บอกเพียงสั้น ๆ ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับทางร้านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี คนร้ายเป็นชายเข้ามาในร้านทำทีขอซื้อทองเหมือนลูกค้าปกติทั่วไป โดยเลือกทองรูปพรรณ เป็นสร้อยคอทองคำ เส้นละ 5 บาท และ 10 บาท น้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท ซึ่งทางร้านไม่ได้ขอให้เปิดหน้ากากอนามัยเพราะกลัวโควิด


พร้อมกันนี้ ทางตำรวจยังได้สอบถามร้านทองข้างเคียง โดยเจ้าของร้านทองใกล้เคียง บอกว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. หลังเกิดเหตุ ทางร้านได้ย้อนกลับไปดูกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ต้องหาได้เข้ามาในร้านทองของตนเองด้วย และได้สอบถามกับพนักงานของร้าน บอกว่าต้องการซื้อทองแท่ง พอทางร้านบอกว่าไม่มี ผู้ต้องหาจึงรีบออกจากร้านไป  


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ในภาคอีสาน โดยที่ จ.บุรีรัมย์ คนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุที่ร้านทองเยาวราชหลานแม่กิมกี่ ในตัวอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา


น.ส.เปรมยุดา อายุ 45 ปี เจ้าของร้าน เผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีชายอายุประมาณ 20-25 ปี มาขอซื้อทองแท่งและทองรูปพรรณ น้ำหนักรวมกว่า 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท อ้างว่าเถ้าแก่จะซื้อไปแจกลูกน้อง จึงเอาทองมาให้เลือกอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นทองจำนวนมาก หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อยชายคนดังกล่าวได้ติดต่อทางไลน์กับชายอีกคนที่อ้างเป็นเถ้าแก่ แล้วขอชื่อเจ้าของร้านเพื่อจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร


ประมาณ 10 นาที ได้มีข้อความแจ้งเตือนมาในโทรศัพท์ว่ามีเงินเข้ามาในบัญชี 5.8 ล้านบาท ตนก็ยังไม่มั่นใจ จึงให้ลูกน้องภายในร้านเอาสมุดบัญชีไปปรับที่ธนาคาร พบว่ามีเงินเข้าบัญชีเต็มจำนวนที่ตกลง


แต่ตนก็ยังไม่มั่นใจ ได้โทรสอบถามพนักงานธนาคาร พบว่าเป็นการเขียนเช็คเข้าบัญชี ซึ่งต้องใช้เวลาในการเคลียร์ริ่ง จึงแจ้งไปว่าทางร้านต้องการเงินสด คาดว่าชายคนดังกล่าวน่าจะรู้และไหวตัวทัน รีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว จึงให้ลูกน้องตามไปดู พบว่าได้จอดรถอยู่หลังร้าน ห่างจากร้านประมาณ 50 เมตร คาดว่าน่าจะเป็นการเตรียมการไว้แล้ว จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นางรอง เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี


น.ส.เปรมยุดา ยังให้การกับตำรวจ อีกว่า วันเกิดเหตุได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนซื้อทองมากขนาดนี้ในคราวเดียวเป็นไปได้ยาก จึงพยายามหาหลักฐาน และตรวจสอบ พร้อมกับถ่วงเวลา แต่ไม่มีข้อผิดสังเกต เพราะธนาคารได้ส่งข้อความมา ทั้งยังให้ลูกน้องไปปรับบัญชี ก็ได้ตามจำนวนเงินที่สั่งซื้อ แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่นว่าคนจะซื้อทองมากขนาดนี้ ให้ลูกน้องมาซื้อ


หลังจากนั้นได้โทรแจ้งให้ญาติซึ่งเปิดร้านทองเช่นเดียวกันที่จังหวัดสุรินทร์ ให้ทราบถึงพฤติกรรมของคนร้าย ต่อมาญาติที่จังหวัดสุรินทร์แจ้งมาว่าชายคนดังกล่าวมาขอซื้อทองในลักษณะเดียวกัน จึงปฏิเสธการขาย และมาทราบอีกทีว่ามีร้านทองที่จังหวัดหนองคาย ถูกหลอกซื้อทองจำนวน 100 บาท มูลค่ากว่า 2.9 ล้านได้สำเร็จ จึงอยากแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการร้านทองระวังคนร้ายแก๊งนี้เชื่อว่าทำเป็นขบวนการ


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่าคนร้ายคาดว่ามาไม่น้อยกว่า 2 คน และมีหลายชุด ซึ่งมีการเตรียมการวางแผนก่อในหลายจังหวัดของภาคอีสาน


ส่วนในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ก็มีมิจฉาชีพแก๊งดังกล่าวเข้ามาที่ร้านทองสุวรรณณาเยาวราช ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เช่นกัน โดยนายอนุรักษ์ มีพร้อม อายุ 31 ปี ผู้จัดการร้านทอง เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีชายอายุประมาณ 20-25 ปี มาขอซื้อทองแท่งและทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 200 บาท คิดเป็นเงิน 5,840,000 บาท อ้างว่าเถ้าแก่จะซื้อไปแจกลูกน้องเป็นของขวัญ


ผู้จัดการร้านทองจึงเอาทองรูปพรรณมาให้เลือกอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นทองจำนวนมาก หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว ชายคนดังกล่าวได้ทำทีกดโทรศัพท์ลักษณะติดต่อทางไลน์กับชายอีกคนที่อ้างว่าเป็นเถ้าแก่ แล้วขอชื่อเจ้าของร้านและหมายเลขบัญชีเพื่อจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ประมาณ 10 นาที ได้มีข้อความแจ้งเตือนมาในโทรศัพท์ว่ามีเงินเข้ามาในบัญชี 5,840,000 ล้านบาท


ตนก็ยังไม่มั่นใจเพราะเห็นตัวหนังสือในบัญชีแปลก ๆ จึงได้โทรศัพท์เช็คไปยังที่ธนาคาร พบว่ามีเงินเข้าบัญชีเต็มจำนวนที่ตกลง แต่ตนก็ยังไม่มั่นใจได้สอบถามพนักงานธนาคารพบว่าเป็นการเขียนเช็คเข้าบัญชีซึ่งต้องใช้เวลาในการเคลียร์ริ่ง โดยเงินจะเข้าบัญชีวันพรุ่งนี้ ตนจึงแจ้งไปว่าขอทองคืนกลับมาก่อน คาดว่าชายคนดังกล่าวน่าจะรู้และไหวตัวทัน จึงรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้เดินตามไป คาดว่าน่าจะเป็นการเตรียมการไว้แล้ว จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี  


ทั้งนี้ คนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวถึง 3 ครั้ง แต่ทำสำเร็จเพียงครั้งเดียวที่ร้านทองในจังหวัดหนองคายเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งพฤติกรรมขณะก่อเหตุทั้ง 3 ครั้ง กล้องวงจรปิดภายในร้านทองสามารถจับภาพไว้ได้ทั้งหมด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยจากกล้องวงจรปิด และหาเบาะแสคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ไทม์ไลน์การก่อเหตุของแก๊งมิจฉาชีพ


วันที่ 8 ก.พ. ร้านทองเยาวราชหลานแม่กิมกี่ จ.บุรีรัมย์ (ก่อเหตุไม่สำเร็จ) - หลอกซื้อทองน้ำหนัก 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท


วันที่ 9 ก.พ. ร้านทองสุวรรณณาเยาวราช จ.สุรินทร์ (ก่อเหตุไม่สำเร็จ) - หลอกซื้อทองน้ำหนัก 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท


วันที่ 10 ก.พ. ร้านทองศรีรุ่งเรือง จ.หนองคาย (ก่อเหตุสำเร็จ) - หลอกซื้อทองน้ำหนัก 100 บาท คิดเป็นเงิน 2.9 ล้านบาท


รับชมทางยูทูบที่ :https://youtu.be/bIfm7EBN9Eo


คุณอาจสนใจ

Related News