ผู้เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้บ้านพักในตลาดน้อย ร้องเรียนกับทีมข่าวช่อง3 หลังผ่านมาสองสัปดาห์แต่คดีไม่คืบและสงสัยอาจเป็นการลอบวางเพลิง



เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนย่านตลาดน้อยกลางดึก ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวเก่าแก่ 3 ชั้น สร้างด้วยไม้ อายุกว่า 100 ปี โดยเพลิงลุกไหม้จากด้านล่างขึ้นไปเสียหายถึงชั้น 3 และยังลุกลามไปที่บริเวณหลังคาและชั้น 3 ของตึกข้างๆ มูลค่าความเสียหายหลักล้านบาท ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าของบ้านได้มาไล่กล้องวงจรปิดดู ก็พบกับชายต้องสงสัยที่เดินถืออะไรบางอย่างเข้าออกช่วงก่อนจะเกิดกลุ่มควัน จึงคาดว่าน่าจะเป็นการวางเพลิง แต่ขณะนี้ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ คดียังไม่มีความคืบหน้า และตำรวจพิสูจน์หลักฐานก็ยังไม่ได้มาเก็บหลักฐานที่บริเวณจุดต้นเพลิง



มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าตึกแถวดังกล่าวในคืนที่เกิดเหตุ จะเห็นชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีดำ กางเกงขาสามส่วน รองเท้าแตะ ถือกระเป๋าใบใหญ่ เดินเลี้ยวเข้าไปที่จุดต้นเพลิง เข้าๆ ออกๆ อยู่ประมาณ 3 รอบ



รอบแรกตอน 00.42 น. หายเข้าไปประมาณ 1 นาที ก็เดินกลับออกมา โดยไม่ได้ถือกระเป๋าใบที่ถือเข้าไปออกมาด้วย จากนั้นตอน 00.45 น. ชายคนนี้ก็เดินกลับเข้าไปอีก 1 นาที แล้วเดินออกไปอีก และกลับมาอีกครั้งในเวลา 00.49 น. ครั้งนี้เข้าไปไม่นาน ก่อนจะเดินออกมาแล้วข้ามถนนหนีหายไป ซึ่งจังหวะนั้นได้มีกลุ่มควันเกิดขึ้นที่บริเวณดังกล่าว ก่อนกลายเป็นเหตุเพลิงไหม้ที่ต้องใช้เวลาดับไฟนานกว่า 2 ชั่วโมง สร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านและทรัพย์สินจำนวนมาก



นายสมเกียรติ ซึ้งกมลพิสุทธิ์ เจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ เปิดเผยว่า ตอนที่เกิดเหตุตนกับครอบครัวกำลังนอนหลับอยู่บนบ้านชั้น 3 ในตึกหลังติดกัน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายบอกว่า ไฟไหม้ๆ พอตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นไหม้ เลยรีบวิ่งลงมาดู ก็พบว่ามีแสงเพลิงกำลังลุกไหม้จากบันไดชั้น 1 ของตึกดังกล่าว และเริ่มลุกลามขึ้นไปด้านบนชั้น 2 และ 3 ซึ่งโชคดีที่ด้านบนเป็นห้องเปล่าไม่มีใครอยู่ เพราะตึกนี้ตนดัดแปลงชั้นล่างให้เป็นทางเข้า-ออกรถยนต์ แต่ว่าเพลิงก็ลุกไหม้หนักขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะเป็นบ้านไม้ จนลามไปถึงตึกที่ติดกัน สร้างความเสียหายให้กับห้องนอน ห้องพระ และหลังคาตึกเกือบทั้งหมด รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท



ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ ตนก็ได้มาดูไล่กล้องวงจรปิด ก็เห็นภาพพฤติกรรมของชายคนดังกล่าว จึงสงสัยว่าชายคนนี้อาจจะเป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ เพราะลักษณะมีการถือถุงบางอย่างมาแต่ตอนกลับออกไปไม่มี และไม่ได้เข้าออกแค่ครั้งเดียว รวมทั้งตอนออกไปก็เป็นจังหวะที่มีควันไฟเกิดขึ้นพอดี



โดยตอนนี้เหตุการณ์ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่คดีความยังไม่มีความคืบหน้า ตนจึงมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน อยากขอให้ตำรวจช่วยติดตามหาตัวคนที่ก่อเหตุ ซึ่งล่าสุดสอบถามตำรวจไป ก็ได้คำตอบเพียงว่ากำลังตามตัวอยู่ ยังไม่เจอ ซึ่งตนก็เห็นว่าแถวนี้มีกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานครเยอะมาก ตำรวจน่าจะตามตัวคนก่อเหตุได้ไม่ยาก โดยตนอยากจะให้ตำรวจตามจับคนก่อเหตุให้ได้ เพราะอยากจะถามว่ามาก่อเหตุทำไม เนื่องจากไม่ได้เคยรู้จักหรือมีปัญหากันมาก่อน และยังไม่คุ้นหน้าเลยด้วย



อีกประเด็นที่ตนคาใจก็คือ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เก็บพยานหลักฐานแค่เฉพาะจุดที่เป็นทางรถเข้า-ออก เพื่อจะให้ตนสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ แต่ไม่ได้เก็บพยานหลักฐานในจุดใต้บันไดทางขึ้น ซึ่งเป็นจุดต้นเพลิง พอสอบถามไปเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องเก็บ แต่ตนอยากให้มีการตรวจสอบให้ครบถ้วนเพื่อความสบายใจ เพราะจากภาพในกล้องวงจรปิด ชายต้องสงสัยได้ถืออะไรบางอย่างเข้ามา หากเป็นคนวางเพลิงจริงก็น่าจะทิ้งหลักฐานไว้ที่จุดนี้ ซึ่งหากกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่เข้ามาตรวจสอบ ตนก็ไม่กล้าจะแตะต้องอะไร ทำให้ยังไม่ได้ปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะสภาพตึกได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการให้เร็วที่สุด



ขณะที่ พันตำรวจเอกพนม เชื้อทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพลับพลาไชย 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐานอยู่ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายระบุว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานไปไม่ครบทุกจุดโดยเฉพาะจุดสำคัญนั้น ก็จะประสานพนักงานสอบสวนให้แจ้งกองพิสูจน์หลักฐานดำเนินการเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมโดยเร็ว



ในส่วนของการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ จากคลิปวงจรปิดยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนจุดวางเพลิง แต่ตำรวจก็จำเป็นต้องติดตามตัวมาสอบสวนก่อน ซึ่งได้ส่งชุดสืบสวนไปตามหาตัวแล้ว โดยจากการไล่กล้องวงจรปิดพบว่า ชายคนดังกล่าวได้เดินไปนอนอยู่ใต้สะพาน เมื่อไปติดตามตัวกลับไม่พบแล้วคาดว่าน่าจะเป็นคนเร่ร่อน แต่ชุดสืบสวนก็จะเร่งตามหาตัวมาให้ได้ เพื่อนำมาสอบปากคำต่อไป

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/P8XuS5ViDMM