เปิดเสวนา หมอกระต่ายต้อง(ไม่)ตายฟรี ถกหาแนวทางลดอุบัติเหตุบนทางม้าลาย

สังคม

เปิดเสวนา หมอกระต่ายต้อง(ไม่)ตายฟรี ถกหาแนวทางลดอุบัติเหตุบนทางม้าลาย

โดย panwilai_c

4 ก.พ. 2565

49 views

มูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเวทีสาธารณะ หมอกระต่ายต้อง(ไม่)ตายฟรี โดยมีวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อหาแนวทางลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หลังประเทศไทย เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก



ขณะเดียวกันก็ได้รับฟังแนวทางการแก้ปัญหาจากวิสัยทัศน์ของ 4 ว่าที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานครถึงสัญญาที่จะให้กับประชาชนในการแก้ปัญหาทางม้าลายภายใน 90 วัน ทันทีที่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้มูลนิธิเมาไม่ขับยังเสนอให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนนอีกด้วย



การประกาศวิสัยทัศน์การแก้ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นครั้งแรก ของ 4 ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่ง 1 ในนี้คือว่าที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานครในอนาคต ที่จะต้องนำข้อเสนอนี้ไปเริ่มปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยทุกคนมองว่าต้องปรับปรุงทางม้าลายให้ได้มาตรฐานสากลเป็นอย่างแรก



แต่ที่ต่าง คือ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ มองถึงการสังคยานาปรับรูปแบบและโครงสร้างของทางม้าลายใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องผ่านการลงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งการกำหนดความเร็วในพื้นที่ชุมชน และ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ติดตั้งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที พร้อมเอไอถ่ายภาพผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี



ส่วน ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มองถึงการปรับปรุงทางกายภาพของทางม้าลายให้มีสัญญาณไฟครบทั้ง 4,160 จุดทั่วกรุงเทพมหานครภายใน 1 ปี โดยต้อง มีการตั้งสัญญาณเตือนล่วงหน้าชัดเจน ให้ผู้ขับขี่รถสาธารณะปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่าง และใช้เครือข่ายเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เช่น พนักงานทำความสะอาดที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เป็นประจำ คอยรายงานจุดบกพร่องในพื้นที่ และเข้มงวดด้านระเบียบวินัยจราจร โดยไม่ต้องให้ประชาชนแจ้ง



ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาดิศร เล็งเพิ่มงบประมาณด้านการดูแลความปลอดภัยทางท้องถนนที่ปัจจุบันได้รับงบเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีงบในการปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของทางม้าลายทุกจุดในทันที รวมทั้งใช้ประโยชน์จากกล้องหน้ารถของกทม.และสาธารณะ ตรวจตราความเรียบร้อยของสภาพพื้นที่ รวมทั้งใส่ใจการบังคับใช้กฎหมาย



ขณะที่นางสาวรสนา โตสิตระกูล มองว่าจะใช้เวลา 1 ปี ในการเปิดให้ทุกภาคส่วนร่วมเเสดงความคิดเห็น เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง และนำระบบตัดคะแนนความประพฤติของผู้ขับขี่มาใช้



วงเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นโดยมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายร่วมลดอุบัติเหตุ โดยมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม



ความเห็นจากวิทยากรทุกคนตรงกันว่าสาเหตุของอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทของมนุษย์ และการไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรที่กำหนดไว้ในแต่ละพื้นที่ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ในขณะที่บทลงโทษไม่มีความเด็ดขาด ขณะเดียวกันสภาพความปลอดภัยบนท้องถนนก็ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะความปลอดภัยบริเวณทางม้าลาย



ข้อมูลศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทยระบุ จากสถิติรถ 14,000 คัน ที่ขับขี่บนท้องถนน มีเพียง 11% หรือ1540 คัน เท่านั้นที่หยุดชะลอให้คนข้าม ซึ่งที่สำคัญผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจร



แม้จะมีการออกแบบทางม้าลาย 3 มิติ แต่นั่นอาจทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น และผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ทางที่ดีจึงควรมีป้ายสัญญาณล่วงหน้า และ ปรับผิวจราจรก่อนถึงทางม้าลายให้สังเกตได้ชัด รวมทั้งแก้ไขข้อกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อมีบทลงโทษอย่างรุนแรงเป็นตัวอย่าง



ปัจจุบันไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้เสนอให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปี เป็นวันแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะเดือนมกราคมที่ผ่านมามีคนไทยต้องเสียชีวิตกว่า 100 คน จากอุบัติเหตุภายในเดือนเดียว



กระต่ายจึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ ทางกระต่าย หรือ raccit crossing เพื่อหวังว่าการสูญเสียในครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนให้คนตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น



จากกรณีหมอกระต่ายทำให้เกิดกิจกรรม rabbit crossing ให้ประชาชนลงชื่อร่วมสนับสนุนให้แก้ปัญหาทางม้าลายผ่าน Change.org ก่อนยื่นข้อเสนอนี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอนาคต เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด

คุณอาจสนใจ