นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล คุณแม่หมอกระต่าย พร้อมด้วย นายณัฐพล ชิณะวงศ์ ทนายความ ยื่นหนังสือต่อกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อต้องการให้กรรมาธิการช่วยติดตามพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีตำรวจซึ่งเป็นผู้รักษากฎหมายเป็นผู้ก่อเหตุเสียเอง และคดีอยู่ในการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ หากมีหน่วยงานที่มีความเป็นอิสระ และเป็นกลางร่วมพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคู่ขนานกันไป ก็น่าจะเป็นการดี เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ละเอียดครบถ้วน โดยเฉพาะประเด็นที่ยังติดใจคือเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นทางม้าลาย และพื้นที่โรงพยาบาลควรจะมีการจำกัดความเร็ว

นางรัชนี  ยังอยู่ในอาการเศร้า กล่าวด้วยนำเสียงสั่นเครือ ว่าลูกสาวไม่ได้ข้ามถนนโดยประมาท ไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเอง หรือได้รับการรักษา เพราะเสียชีวิตคาที่ แต่ถูกโยนความผิดให้ผู้ใช้ถนน

ซึ่งจนถึงวันนี้ ยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้ลูกสาวตายฟรี ตอนนี้ครอบครัวยังหวาดกลัวการข้ามถนน จึงไม่อยากให้คดีนี้หายไป โดยไม่ส่งผลอะไรกับประเทศอย่างคดีอื่นๆ ที่ผ่านมา จึงขอให้สภาฯช่วยชี้นำสังคมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อไป

ขณะที่กรรมาธิการ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไขกฎหมายให้ประชาชนที่ข้ามถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น แม้ขณะนี้จะมีการตื่นตัวมากขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอ จึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของกรรมาธิการ และพิจารณาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง

ด้าน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงทางข้าม (ทางม้าลาย) บริเวณหน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เขตราชเทวี

โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายประภาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง นายณันทพงศ์ สินมา ผู้อำนวยการเขตราชเทวี พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาบริเวณทางข้ามที่เกิดเหตุว่า ได้ดำเนินการทาสีแดง และขยายความกว้างเส้นทางข้าม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วภายใน 2 วัน

การติดตั้งสัญญาณไฟคนข้ามแบบกดปุ่ม พร้อมตัวเลขนับเวลาถอยหลัง ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ นับจากวันที่ได้รับมอบหมายจากที่ประชุม ขณะนี้ได้ติดตั้งเสาสัญญาณแล้ว และการติดตั้งกล้อง CCTV AI เพื่อตรวจจับผู้ฝ่าฝืนเส้นทางข้าม ซึ่งจะใช้ระยะเวลาติดตั้งประมาณ 30 วัน

ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีทางข้าม รวมทั้งหมด 3,280 จุด ติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบ 1,277 จุด ติดตั้งสัญญาณไฟแบบกดปุ่ม 226 จุด และทาสีแดงพื้นเส้นทางข้ามแล้ว 430 จุด  

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ กรุงเทพมหานครติดตั้งสัญญาณไฟแบบกดปุ่มเพิ่มอีก 100 จุด ส่วนการแก้ไขปัญหาในภาพรวมของเส้นทางข้าม จะดำเนินการปรับปรุงป้ายเตือน ป้ายกำหนดความเร็ว ทาสีแดงพื้นเส้นทางข้าม เส้นชะลอความเร็ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ทั้งนี้ ทาง กทม. จะสำรวจทางข้าม ที่สีจางหรือลบเลือน โดยจะดำเนินการทาสีใหม่ให้เห็นชัดเจน แก้ไขเส้นทางข้ามตรงจุดที่ไม่เหมาะสมทางด้านกายภาพ เช่น เดินข้ามไปแล้วมีพุ่มไม้บังหรือมีสิ่งกีดขวาง ตลอดจนปรับปรุงพื้นทางลาดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่รถเข็นผู้พิการ

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/40wQAnv6530