เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สรศักดิ์ สิทธิธีรกุล สว.กก.1 บก.ปทส., ร.ต.อ.มนตรี  ฤทธิรงค์ รอง สว.กก.1 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่กรมประมง ร่วมกันจับกุม นายพันธ์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า "ค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 สถานที่จับกุม  อาคารไม่มีเลขที่ ซอยโพธิ์แก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. หอยมือเสือ จำนวน 3 ตัว
2. ปะการังแข็ง จำนวน 132 ชิ้น
3. ปะการังอ่อน จำนวน 26 ชิ้น
4. ดอกไม้ทะเล จำนวน 4 ชิ้น
5. เปลือกหอยมือเสือ จำนวน 16 ชิ้น
6. ซากปะการัง จำนวน 22 ชิ้น

พฤติการณ์ ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่ได้สั่งการให้ บก.ปทส. ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บก.ปทส. จึงได้มอบหมายให้  กก.๑ บก.ปทส. ดำเนินการสืบสวนปราบปรามผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองในพื้นที่กรุงเทพฯ



โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ได้สืบทราบว่ามีเพจเฟซบุ๊กที่ลักลอบค้าปะการัง และสัตว์ทะเลที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยตรวจสอบพบว่ามีนายพันธ์ศักดิ์ฯ เป็นพ่อค้าที่จำหน่ายสัตว์ชนิดดังกล่าว



พฤติกรรมของผู้ที่กระทำความผิด ได้สร้างความเสียหายและถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้ระบบนิเวศทางธรรมชาติเสียไปด้วย บก.ปทส. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่า นายพันธ์ศักดิ์ฯ ใช้อาคารไม่มีเลขที่ ซอยโพธิ์แก้ว  แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ลักลอบเลี้ยงปะการัง ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อการค้าเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญา และในวันที่ 26 ม.ค. 2565 เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ได้ประสานงานกับนักวิชาการประมง ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นอาคารดังกล่าว

โดยพบ นายพันธ์ศักดิ์ฯ อายุ 47 ปี แสดงตนเป็นผู้ครอบครองอาคาร ผลการตรวจสอบพบว่าภายในเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม มีตู้กระจกพร้อมอุปกรณ์ และพบว่ามีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นจำนวนมาก

จากการสอบถามนายพันธ์ศักดิ์ฯ ให้การว่าหอยมือเสือ ปะการัง ดอกไม้ทะเล ซึ่งเป็นของกลางนั้น ผู้ต้องหาได้สั่งซื้อมาทางอินเทอร์เน็ต และนำมาเพาะเลี้ยงเพื่อขายต่อให้กับผู้สนใจซื้อ ซึ่งมักจะขายให้กับกลุ่มคนเลี้ยงปลาตู้ ปลาสวยงาม โดยปะการังจะขายชิ้นละ 150 ถึง 800 บาท คิดราคาตามขนาด ส่วนหอยมือเสือจะขายราคาตัวละ 400 บาท ซึ่งตนยอมรับว่าไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองหรือค้าจากทางราชการแต่อย่างใด



เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา "ค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ให้ผู้ต้องหาทราบ และควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย



ในส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้ พนักงานสอบสวนจะนำส่งให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสมุทรสาคร กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง ดูแลรักษาต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา