เวลา 17.30 น.วานนี้ (21 ม.ค.) ขณะที่ ร.ต.อ.เลิศศักดิ์ วังคีรี ร้อยเวร สภ.เมืองระยอง กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มี นายชูเกียรติ สมานศิลป์ อายุ 66 ปี เจ้าของบริษัทรถพ่วงบรรทุกสินค้า ส่งท่าเรือไออาร์พีซี ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง พา นายรุ่งโรจน์ ตันทะคูณ อายุ 38 ปี พนักงานขับรถพ่วง เข้าแจ้งความ

ระบุว่า ถูกพนักงานขับรถพ่วงของอีกบริษัทหนึ่งที่อยู่ในไซด์งานเดียวกัน ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ขณะขับรถพ่วงเข้าส่งกะลาปาล์มที่ท่าเรือฯ โดยมีพยานเห็นเหตุการณ์หลายคน เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และ เตรียมพาผู้เสียหายไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยขณะนั้นมีสื่อมวลชนเดินทางมาเฝ้าติดตามทำข่าวประเด็นนี้

แต่ขณะที่ ร้อยเวรและผู้เสียหาย กำลังจะก้าวขาออกจากโรงพักไปขึ้นรถ เป็นจังหวะเดียวกับ นายสมชาย นำเจริญลาภ อายุ 40 ปี ผู้ดูแลบริษัทรถพ่วง คู่กรณีของผู้เสียหาย เดินทางมาที่ สภ.เมืองระยอง เช่นกัน เพื่อเข้าแจ้งความ ว่า พนักงานฝ่ายของตนถูกคู่กรณีทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคมได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

ร้อยเวร จึงตัดสินใจบันทึกรับแจ้งความของกลุ่มคู่กรณีเช่นกัน พร้อมทั้งนัดให้ฝ่ายที่เดินทางมาหลังสุดกลับไปก่อน เนื่องจากต้องแยกสอบสวนและตรวจสอบที่เกิดเหตุตามลำดับ เนื่องจากเป็นคดีทะเลาะวิวาท แต่ในขณะที่ ทั้งสองฝ่ายเดินทางออกจากห้องสอบสวน

ซึ่งในขณะที่ กลุ่ม นายชูเกียรติ ซึ่งเข้าแจ้งความในชุดแรก กำลังจะขึ้นรถกระบะ เดินทางออกจากโรงพัก ได้พบ กลุ่มชายฉกรรจ์ ของบริษัทคู่กรณีที่มาดักรอ หลังจากนั้นเกิดเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยกันชุลมุนต่อหน้าต่อตาตำรวจ และ สื่อมวลชน โดยในขณะนั้นชกต่อยนั้น มีบางส่วน ร่างกายไปกระแทกใส่รถของสื่อมวลชน ที่มาจอดรอทำข่าว จนมีเสียงตะโกนว่า “เห็นตำรวจเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง ที่นี่โรงพักนะ”

แต่เสียงดังกล่าวยังไม่เป็นผล เพราะทั้งหมดก็ยังชกต่อยกันอย่างอุตลุด จนทำให้ นายรุ่งโรจน์ พนักงานขับรถพ่วง ที่เข้าแจ้งความเป็นรายแรก ล้มกลิ้งไปกับพื้น เช่นเดียวกับ นายชูเกียรติ์ เจ้าของบริษัทที่พาลูกน้องเข้าแจ้งความ โดนลูกหลงไปหลายหมัดจนได้รับบาดเจ็บ

หลังจากนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ ที่เข้าทำร้ายทั้งสอง ได้รีบวิ่งไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนน หน้า สภ.เมืองระยอง หลบหนีไป

ทั้งนี้ ตำรวจได้ช่วยกันพา นายชูเกียรติ และ นายรุ่งโรจน์ กลับเข้าโรงพักเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น และ ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นจึงให้กลับไป

ด้าน พ.ต.อ.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูร ผกก.สภ.เมืองระยอง กล่าวว่า เตรียมเรียกตัวเจ้าของบริษัททั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือ คดีทำร้ายร่างกายที่ต่างฝ่ายต่างแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว อีกส่วน คือ คดีทะเลาะวิวาทในสถานที่ราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ ทั้งจากกล้องวงจรปิด และ จากภาพของสื่อมวลชน ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมดต้องถูกดำเนินคดี

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/1LwCpP9Fl88