ลุยตรวจสอบ 25 ห้องเย็นในจังหวัดปริมณฑล ต้องสงสัยกักตุนเนื้อหมู ตามคำสั่งการนายกรัฐมนตรี พบหลายบริษัทในสมุทรสาครสต็อกเนื้อหมูมากกว่า 5,000 กก. เกินกฎหมายกำหนดไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ อ้างเพิ่งทราบระเบียบอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง ตำรวจลั่นไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ขอร้องผู้ประกอบการอย่าสร้างภาระให้ประชาชนที่กำลังเดือดร้อน


วันที่ 21 ม.ค.65 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร, ปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร, กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีพฤติกรรมกักตุนเนื้อหมูพร้อมกัน 11 เป้าหมาย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลกรณีเนื้อสุกรมีราคาสูงขึ้น สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวน ปราบปราม สืบเนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีการนำเนื้อสุกรเข้ามากักตุนในห้องเย็นเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุให้เนื้อหมูมีราคาแพง จึงได้มีการบูรณาการกำลังกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพร้อมกัน 25 จุด ในจังหวัดปริมณฑล  


จากการสืบสวนทราบว่ามี  25 บริษัท ในจังหวัดปริมณฑล เช่น สมุทรสาคร ที่ประกอบธุรกิจห้องเย็น อาจเข้าข่ายมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในเรื่องการกักตุนเนื้อสุกรเกิน 5,000 กิโลกรัม โดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่าบางบริษัทมีจำนวนเนื้อสุกรเกินกว่ากฎหมายกำหนด


โดยบางรายอ้างว่าอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง เนื่องจากเพิ่งได้ทราบระเบียบ ซึ่งจะต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป หากพบว่าไม่ได้มีการแจ้ง ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หรือหากมีการแจ้งการครอบครองไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


ด้าน นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 บริษัทห้องเย็น ที่มาแจ้งการครอบครองซากสุกรเกิน 5,000 กิโลกรัม แล้ว และยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการแจ้ง โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับหนังสือประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคากลางสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 เรื่องแบบแจ้งตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.65 ที่ผ่านมา


นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ลงพื้นที่พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบห้องเย็นในจังหวัดนครปฐม 2 แห่ง ในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอนครชัยศรี ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจกักตุนเนื้อหมูหรือไม่ โดยทางบริษัททั้ง 2 แห่ง ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปบันทึกภาพในห้องเย็น ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเท่านั้น


พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า ห้องเย็นในจังหวัดนครปฐม มีทั้งหมด 30 แห่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้กลั่นแกล้งใคร หากพบว่าไม่กระทำตามเงื่อนไขของกฎหมายก็จะบังคับใช้กฎหมาย ขอร้องผู้ประกอบการอย่าสร้างภาระให้ประชาชนที่กำลังเดือดร้อน หากพบความผิดจะดำเนินคดีทุกข้อหา


ส่วนประมาณเนื้อหมูในห้องเย็นทั้ง 2 แห่งในจังหวัดนครปฐมนั้น รวมถึงการแจ้งการครอบครองซากสุกร โดยทางพาณิชย์จังหวัดและปศุสัตว์จังหวัดกำลังตรวจสอบเรื่องเอกสารว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และทำการตรวจสอบสต๊อก 3 ปี ย้อนหลัง หากมีพฤติกรรมกักตุนเพื่อเก็งราคา ส่งให้ราคาเนื้อหมูแพงประชาชนเดือดร้อน เข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  ยืนยันจะตรวจสอบห้องเย็นทุกแห่งไม่เลือกปฏิบัติ


ด้านนายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ภายในวันอังคารที่ 25 ม.ค.นี้ จะทำการตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่ทั้ง 30 แห่ง ให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้มีปัญหาดเรื่องการกักตุนเนื้อหมู จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการกักตุนเนื้อหมูแต่อย่างใด เนื้อหมูที่สต๊อกไว้ไม่พบปัญหาอะไร เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการได้แจ้งการครอบครองซากสุกรไว้


นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อก ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไปแจ้งปริมาณ และราคาทุก 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.65 เป็นต้นมา เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต็อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั้งประเทศ


โดยกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบสต๊อกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้บูรณาการกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบติดตามผู้ประกอบการครอบครองสุกร เนื้อสุกร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร ตามประกาศ กกร. หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด


ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 20 ม.ค.65 พาณิชย์จังหวัดสงขลา ได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา กองบังคับการตำรวจ ปคบ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดสงขลา ที่รับฝากสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ พบว่ามีการจัดทำบัญชีและแจ้งปริมาณสินค้า เนื้อสุกรไม่ตรงกับสินค้าที่มีการตรวจสอบ ณ สถานที่ฝากเก็บสินค้า


ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา จึงได้ทำการบันทึกการตรวจสอบและไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรอำเภอจะนะ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาไม่แจ้งปริมาณในครอบครองกับห้องเย็นรับฝากซึ่งเป็นผู้ครอบครองแทนผู้อื่นตามข้อ 3 ในประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2565 เรื่องการแจ้งปริมาณราคาสถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีสินค้า สุกรเนื้อสุกร มีความผิดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542


รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้เลี้ยงสุกร ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกสุกร ตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้แจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกรตามประกาศ กกร. หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการายใดไม่แจ้งปริมาณ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ


ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด เพื่อตรวจสอบบริษัทห้องเย็นเหล่านี้ หากพบว่ายังมีพฤติกรรมกักตุนเนื้อหมู จนเป็นเหตุให้ราคาเนื้อหมูขึ้นสูงไปอีก ให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยจะมีผู้แทนจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ร้องทุกข์

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/ViH2UF4zDa8