ผู้ว่าฯสงขลา ลุยตรวจห้องเย็น ส่อเข้าข่ายกักตุนเนื้อหมู 2 เเสนกิโล - เบทาโกร แจงจัดสินค้าคงคลังตามปกติ

เศรษฐกิจ

ผู้ว่าฯสงขลา ลุยตรวจห้องเย็น ส่อเข้าข่ายกักตุนเนื้อหมู 2 เเสนกิโล - เบทาโกร แจงจัดสินค้าคงคลังตามปกติ

โดย thichaphat_d

21 ม.ค. 2565

10 views

จากกรณีที่จังหวัดสงขลา รวมทั้งปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบห้องเย็นบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งใน อ.จะนะ จ.สงขลา ตามแผนการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการตรวจสอบห้องเย็น กรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกร


จึงพบว่าในระยะเวลา 3 เดือน ที่ผ่านมา มีการนำเนื้อสุกรจาก บริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม ใน จ.พัทลุง เข้ามาเก็บรักษาไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าวจำนวน 211,361 กิโลกรัม และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 19 ม.ค. พบว่า มีเนื้อสุกรคงคลัง 201,650 กิโลกรัม ทางปศุสัตว์จังหวัดจึงได้สั่งอายัดไว้ เพื่อรอการตรวจสอบที่ชัดเจนว่าการส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุนทำให้เนื้อสุกรหรือเนื้อหมูมีราคาแพงด้วยหรือไม่นั้น


วานนี้ (20 ม.ค. 65) เมื่อเวลา 14.00 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ พาณิชย์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาตรวจสอบเนื้อสุกรที่แช่อยู่ในห้องเย็นดังกล่าวภายใน บริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ถ.สงขลา-ปัตตานี ต.บ้านนา อ.จะนะ ซึ่งได้สั่งอายัดเนื้อสุกรเอาไว้แล้ว 201,650 กิโลกรัม ไว้โดยห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ


โดยในการหารือกันช่วงแรกทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าไปประชุมร่วมกับทางบริษัทห้องเย็น และทางบริษัทที่เป็นเจ้าของเนื้อสุกร เป็นการภายในก่อนในช่วงแรก โดยยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปข้างใน


ภายหลังหารือเกือบ 1 ชั่วโมง ทางผู้ว่าราชการจังหวดสงขลา ออกมาเปิดเผยในเบื้องต้นว่า เนื้อสุกรที่ถูกแช่แข็งไว้ 201,650 กิโลกรัม นั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางจากบริษัทผู้รับฝาก และเจ้าของเนื้องสุกรจาก จ.พัทลุง คือ บริษัท เบทาโกร และ บริษัท ปิติซีฟูดส์ ใน อ.จะนะ จ.สงขลา ที่ทำหน้าที่ให้บริการห้องเย็น ทั้งในส่วนของเอกสารรับส่งทั้งหมด เนื่องจากเบื้องต้นพบว่า มีการนำเนื้อสุกรเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา แต่มีการนำออกไปเพียงแค่เล็กน้อยราว 10,000 กิโลกรัม เท่านั้น


ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะยังคงมีการเข้าตรวจสอบห้องเย็นทั้งหมดที่ตั้งอยู่ใน จ.สงขลา ไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนนี้ ตามโยบายของรัฐบาล ซึ่งในพื้นที่ จ.สงขลา พบว่า มีหลายบริษัทที่เปิดให้บริการห้องเย็นในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ส่วนมากจะเป็นสินค้าประเภทอื่น โดยเฉพาะอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่


ล่าสุดนายสัตวแพทย์ณัฐชัย วรสุทธิ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา เผยว่า ในกรณีนี้จากข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา ของ บริษัท เบทาโกร พบว่า มีปริมาณสูงกว่าปกติตามที่ปรากฏ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านระบบอิเล็อกทรอนิกส์ โดยย้อนหลังไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 64-เดือน ม.ค. 65


และพบว่า มีการนำเข้ามาเก็บในห้องเย็นทั้งหมด 85 ครั้ง ยอดโดยรวม 574,541 กิโลกรัม และมีการนำออก 21 ครั้ง จำนวน 167,058 กิโลกรัม และวานนี้ทางด่ากักกันสัตว์สงขลา ได้เข้ามาตรวจเช็คสต็อคพบว่า มีสินค้าคงคลังอยู่ที่ประมาณ 201,650 กิโลกรัม


นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบยอดเนื้อสุกรและเอกสารที่ไม่ตรงกับยอดสุทธิอยู่ประมาณ 205,833 กิโลกรัม จึงเกิดข้อสงสัย และตรงตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมปศุสัตว์ หากพบการเคลื่อนย้ายที่ผิดปกติต้องรีบรายงาน จึงมีการแจ้งเรื่องไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทางจังหวัดสงขลา และเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้


ด้าน นางฉัตร์สุดา ชุมแสง พาณิชย์จังหวัดสงขลา กล่าวด้วยว่า จากการร่วมตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2565 ในเรื่องการแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกรและเนื้อสุกร ซึ่งได้ระบุให้ผู้ครอบครองเนื้อสุกรน้ำหนักรวมตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ต้องแจ้งต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภายในวันที่ 10 ม.ค. 65 และครั้งถัดไปจะต้องแจ้งภายในวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป


ซึ่งในส่วนของห้องเย็นนั้นมีความผิดตรงที่ไม่ได้แจ้งการครอบครองไปที่พาณิชย์จังหวัดให้ได้รับทราบตามที่กำหนด อีกทั้งผู้เลี้ยงหรือเจ้าของสุกร ก็จะต้องแจ้งข้อมูลสุกรให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบด้วยเช่นเดียวกัน


ซึ่งจากการพูดคุยกับทั้งทาง บริษัท เบทราโกร ที่เป็นเจ้าของเนื้อสุกร และทางห้องเย็น บริษัท ปิติซีฟูดส์ ที่รับฝากเนื้อสุกร ระบุว่า มีเอกสารหลักฐานการจัดทำบัญชีครบ และจะเร่งนำส่งให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้รับทราบโดยเร็ว


พาณิชย์จังหวัดสงขลา กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรณีนี้จะเข้าข่ายการกักตุนเนื้อสุกรหรือไม่นั้น ต้องรอการตรวจสอบบัญชีของทั้ง 2 บริษัท ให้ชัดเจนเสียก่อน เนื่องจากตอนนี้ยอดที่ทาง บริษัท เบทาโกร แจ้งมาไม่ตรงกับสต็อคที่มีอยู่ในห้องเย็น โดยแจ้งเพียง 47,000 กิโลกรัม เท่านั้น


อีกทั้งยังต้องวิเคราะห์การรับเข้าจ่ายออกเนื้อสุกรในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทด้วยว่า มีความสม่ำเสมอเหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาตรวจสอบ และไม่สามารถระบุว่า เข้าข่ายกักตุนหรือไม่ในขณะนี้


ขณะที่ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า ในทางคดีนั้นเบื้องต้นพบว่า มีการกระทำผิดใน 3 ประเด็น ตามประกาศคณะกรรมการกลางฯ ทั้งในเรื่องการแจ้งการครอบครอง การแจ้งปริมาณสินค้า และการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกักตุนหรือไม่ อย่างไร ต้องรอการชี้แจง และเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากทั้ง 2 บริษัท ที่จะมายื่นต่อคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาในเร็วๆ นี้ และหากมีความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งได้รับความมือจากทั้ง 2 บริษัท และพร้อมให้ความเป็นธรรม


ทั้งนี้ในส่วนของเนื้อสุกรในสต็อคดังกล่าวนั้น ทางด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้ทำการถอนอายัดแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นในส่วนของกระบวนการตรวจสอบของทางปศุสัตว์ รวมทั้งได้ขอดูเอกสารใบรับเข้าสุกรที่ห้องเย็น ก็มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์แนบมาด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่ผิดปกติ ที่เหลือจึงรอแค่ตรวจตรวจสอบเอกสารบัญชีให้ตรงกันเท่านั้น


ด้านเบทาโกร ได้ชี้แจงว่า

จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น   บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทาง การปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด


ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่ง ที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้า ภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป


บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด


อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค


โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ


เครือเบทาโกร ยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูปที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/6XAGkszFbE4


คุณอาจสนใจ

Related News