เวทนา คนชราถูกขัง-ล่ามโซ่ ในศูนย์ดูแลเถื่อน เจ้าของปัดทรมาน อ้างญาติให้ทำ บางคนค้างค่าใช้จ่าย

สังคม

เวทนา คนชราถูกขัง-ล่ามโซ่ ในศูนย์ดูแลเถื่อน เจ้าของปัดทรมาน อ้างญาติให้ทำ บางคนค้างค่าใช้จ่าย

โดย thichaphat_d

20 ม.ค. 2565

1.5K views

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักคนชราย่านหนองจอก พร้อมกับตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. และเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส.

โดยพบว่า บ้านพักคนชรานี้ ตั้งอยู่ในซอยแคบๆ ซึ่งด้านหน้าแคมป์คนงาน ก่อสร้าง ส่วนตัวบ้านพักคนชรา อยู่ด้านแคมป์ เป็นห้องแถว 2 ชั้น แบ่งซอยเป็นห้องทั้งหมด ชั้นล่าง 7 ห้อง ชั้นบนอีก 7 ห้อง ในจำนวนนี้ ทำเป็นห้องพักคนชราจำนวน 13 ห้อง ให้พักห้องละ 1-3 คน ส่วนที่เหลืออีกห้องเป็นห้องพักคนงานและเก็บของ

ห้องพักแต่ละห้อง มีขนาดประมาณ 3x3 เมตร มีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ในตัว พื้นเป็นปูนขัดมัน มีหน้าต่างบานเกล็ด เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องมีเพียงเตียงนอน กับ พัดลม บางห้องก็เป็นเตียงคนป่วย บางห้องก็เป็นเตียงธรรมดาขนาด 3.5 ฟุต

โดยแต่ละห้องมีคนชราที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งติดเตียงและเป็นอัลไซเมอร์ และที่สำคัญพบว่า บางคนถูกล่ามโซ่และขังไว้ในห้อง บางห้องก็ถูกโซ่ล็อกประตูอีกชั้น

เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือ และใช้อุปกรณ์ตัดโซ่คนป่วยที่ถูกล่ามไว้ และสอบถามผู้ป่วยแต่ละห้อง

หลังจากนั้นก็ให้อาสามูลนิธิเส้นด้าย ช่วยตรวจเชื้อโควิดคัดกรองผู้ป่วยแต่ละห้อง จากการตรวจสอบพบว่า ที่นี่ไม่ทีเจ้าหน้าที่หรือพยาบาลมาคอยดูแล มีเพียงแม่บ้านคอยทำอาหารและคนงาน 3 คน ทำหน้าที่ดูแลคนป่วย คนชรา และและทำความสะอาด

ผู้สื่อข่าวสอบถาม เจ้บุ๋ม อายุ 50 ปี แม่บ้านที่ดูแล เล่าว่า ที่นี่เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ 3 เดือน ยังไม่มีการขออนุญาต เพราะเพิ่งย้ายมาจากที่เดิมที่อยู่ในหมู่บ้านหรู ห่างจากจุดนี้ 4 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าของบ้านพักคนชรา มีปัญหากับนิติบุคคลของหมู่บ้าน

จากกรณีมีคนชราและผู้ป่วยติดโควิดหลายคน ทางนิติฯ จึงให้ย้ายออกอย่างเร่งด่วน เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว โดยหลังจากถูกไล่ออกมาก็ยังหาสถานที่ใหม่ไม่ทัน จึงมาเช่าห้องแถวนี้ ทำเป็นบ้านพักคนชราชั่วคราว

กรณีที่เห็นมีการคล้องโซ่ล็อคห้องคนป่วย และ 1 คน ที่ต้องผูกโซ่ล่ามขา ก็เพราะคนป่วยค่อนข้างดื้อ ชอบอาละวาด ถอดกระจกบานเกล็ดโยนทิ้ง ละเลงอุจาระเต็มกำแพง และชอบวิ่งออกมานอกห้อง จึงจำเป็นต้องมัดและขังไว้เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย

หลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการ และตรวจสอบ พบว่าที่นี่ดูแลคนชราและผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 21คน เจ้าหน้าที่ประสานญาติให้มารับกลับไปดูแล ซึ่งก็มีทั้งติดต่อญาติได้ และติดต่อไม่ได้ จำนวน 8 คน โดยที่ติดต่อญาติได้ เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจให้ญาติรับตัวกลับไป

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ เกษรา อายุ 25 ปี ลูกสาวของคนป่วย ที่เดินทางมารับแม่กลับบ้าน เล่าพร้อมน้ำตา ว่า ไม่ทราบมาก่อน ว่ามีการย้ายแม่มาอยู่ที่นี่ เพราะเริ่มแรก ที่พาแม่มาอยู่โฮมแคร์ เนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 แม่ได้เข้ารับการผ่าตัดสมอง แล้วเมื่อออกจากโรงพยาบาลไม่คนดูแล จึงตัดสินใจพาไปอยู่โฮมแคร์ที่หมู่บ้านหรู ไม่ห่างจากตรงนี้

ระหว่างที่ฝากแม่ก็ติดต่อ พูดคุย และไปเยี่ยมแม่บ้าง กระทั่งช่วงโควิดรุนแรงไม่ได้ไปเยี่ยมเลย จนมาทราบข่าวแม่อีกทีเมื่อเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปหา ซึ่งยอมรับว่า เสียใจที่นำแม่มาไว้แบบนี้ และไม่คิดว่าเจ้าของจะทำกันแบบนี้

นอกจากนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบดำเนินการ อาสามูลนิธิเส้นด้ายพร้อมกับก็ได้เข้าช่วยเหลือคนป่วย 1 คน ที่ห้องเบอร์ 13 ซึ่งถูกล่ามโซ่ข้อเท้าไว้ โดยได้มีการนำคีมตัดกุญแจ ก่อนอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้ และเคลื่อนย้ายไปอยู่ศูนย์ฯที่พักในสังกัดของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.

ทีมข่าวได้ติดต่อ คุณเอ เจ้าของบ้านพักคนชรา หรือตามกฎหมายเรียกว่า สถานดูแลผู้สูงอายุ ผู้มีภาวะพึ่งพิง เปิดใจว่า สถานที่แห่งนี้  ไม่ใช่บ้านพักคนชราเถื่อน เพราะอยู่ระหว่างขออนุญาตในฐานะเป็นผู้ประกอบการเก่า ที่กฎหมายใหม่ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการควบคู่ไปกับการยื่นเรื่องขออนุญาต ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 มกราคม 2565  

ซึ่งตนเองถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าตรวจสอบและให้ปิดกิจการมาแล้ว 1 ครั้ง ช่วงนั้นโควิดระบาดปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดีอะไร

จนมาวันนี้ก็ถูกเจ้าตรวจค้น และสั่งให้ปิดกิจการอีก จึงมองว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง จากอดีตพนักงานที่เคยดูแลสถานที่ให้แต่โกงเงิน ตนจึงไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งสภาพห้องที่คนชราและผู้ป่วยอาศัยนั่น ก็แจ้งให้ญาติรับทราบทุกรายว่าอยู่แบบไหน และในแต่ละวันก็มีแม่บ้านดูแลตลอด ส่วนอาหาร น้ำดื่มก็มีให้พร้อม ซึ่งน้ำดื่มที่เห็นเป็นกระติกนั้น ให้ผู้ป่วยดื่มจริง แต่ดื่มตอนช่วงทำกิจกรรมตอนเช้าเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีการล่ามโซ่ ขังผู้ป่วยขอ ชี้แจงว่า ญาติของผู้ป่วยอนุญาตให้ทำ เพราะเป็นผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ที่มีอาการจิตเวชร่วมด้วย ซึ่งมักจะชอบอาละวาด ละเลงอุจจาระเต็มห้อง และยังชอบเข้าห้องคนป่วยผู้หญิง จึงต้องควบคุมแบบนี้ ยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานผู้ป่วย แน่นอน และในวันนี้ (20 ม.ค.) จะนำเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงกับตำรวจ ปคบ. เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

เมื่อถามว่า คนชราและผู้ป่วยเหล่านี้ จะนำไปดูแลยังไงเพราะบางรายติดต่อญาติไม่ได้ คุณเอ ถึงกับ ปล่อยโฮว่า นี่คือปัญหา เพราะคนชราและผู้ป่วยบางคน ญาติไม่รับไปดูแล ญาติบางคนก็ค้างจ่ายค่าดูแล แต่ตนก็ยังดูแลกลุ่มคนชราและผู้ป่วยนี้

จึงขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ ให้เห็นแกคนป่วย คนชรา เพราะไม่มีคนดูแลจริงๆ และในส่วนของภาครัฐที่ผ่านมาก็ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ อย่างจริงจัง

สำหรับบ้านพักคนชรา แห่งนี้ มีจำนวนคนชราและผู้ป่วยอยู่ในการดูแลทั้งหมด 21 คน ชาย 12 คน หญิง 9 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 7 คน อีก 14 คน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

และช่วงค่ำ กลุ่มอาสามูลนิธิเส้นด้าย ร่วมกตัญญู และทีมแพทย์ ช่วยกันอาบน้ำ ทำความสะอาดผู้ป่วย และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยคนชราที่อยู่บนชั้น 2 ลงมาห้องพักชั้นล่างเพื่อดูแลอย่างทั่วถึง

ทางด้านนายภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนและบริการ ระบุว่า สถานที่แห่งนี้ ทำผิดชัดเจน ทั้งในส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาต การดูแลผู้ป่วยที่ไม่ถูกหลัก และยัฃมีกฎหมายการรับแรงงานข้ามชาติเข้าทำฃานโดยผิดกฎหมายด้วย โดยเบื้องต้นได้ประสานตำรวจปคบ.ให้ปิดสถานที่แห่งนี้ทันที และกรณีที่คนชราและผู้ป่วยไร้ญาติมารับ ก็ให้ผู้ดูแลดูแลไปก่อน1วัน และจะประสานพม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแลต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/1XBS9XxlcrA

คุณอาจสนใจ