เจ้าหน้าที่ทยอยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ออกจากโฮมแคร์เถื่อน ไม่ได้มาตรฐาน

สังคม

เจ้าหน้าที่ทยอยเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ออกจากโฮมแคร์เถื่อน ไม่ได้มาตรฐาน

โดย panisa_p

19 ม.ค. 2565

609 views

กรณีตำรวจ บก.ปคบ. ร่วมกับ สบส. เข้าตรวจค้นสถานที่ลักลอบเปิดเป็นสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพบว่ามี 2 จุดคือที่ลาดกระบัง และหนองจอก


สถานดูแลผู้สูงอายุย่านหนองจอก ตั้งอยู่ภายในซอยสุวินทวงศ์ 69 ซึ่งปากซอยเป็นพื้นที่ก่อสร้าง รอบข้างเป็นป่า โดยสถานดูแลผู้สูงอายุ ได้ใช้พื้นที่ของตึกแถวด้านหลังซอยจำนวน 2 ชั้น แบ่งเป็นชั้นละ 7 ห้อง รวม 14 ห้อง ด้านในเป็นห้องฉาบปูน ขนาดประมาณ 3 × 3 ตารางเมตร ซึ่งให้ผู้สูงอายุพักอาศัยอยู่ห้องละ 2 คน และในห้องน้ำมีเพียงโถชักโครกกับฝักบัวอาบน้ำเท่านั้น




สำหรับที่นี่มีผู้สูงอายุพักอาศัยอยู่ทั้งหมด 21 คนส่วนผู้ดูแลมีเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นคนไทยเพียงคนเดียว อีก 3 คนมีสัญชาติลาวและพม่า โดยพูดไทยได้เพียงแค่ 1 คน


หนึ่งในผู้ดูแลเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนได้เข้ามาทำงานที่นี่เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา โดย นายจ้างบอกว่าจะให้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท แต่ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด มาพักอาศัยอยู่ที่นี่เลย หน้าที่ที่ต้องทำก็จะต้องคอยดูแลผู้สูงอายุ ช่วยเหลือในการอาบน้ำ และทุกวันจะต้องคอยวัดความดันและเอายาให้ผู้สูงอายุทาน


โดยตนเองเคยทำงานดูแลผู้สูงอายุตามบ้านมาก่อน แต่ว่าไม่ได้เคยผ่านการอบรมหรือมีใบอนุญาต ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าที่นี่ให้ทำงานหนัก เพราะไม่มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกะ มีคนดูแลเพียงแค่ 4 คนนี้เท่านั้น ตอนกลางคืนก็ต้องผลัดกันนอน คอยตื่นขึ้นมาดูผู้สูงอายุ ส่วนพยาบาลจะมีเข้ามาบ้างนาน ๆ ที โดยตั้งแต่ตนมาอยู่ประมาณ 10 วัน มีพยาบาลเข้ามา 2 ครั้ง ส่วนนายจ้างเข้ามาเพียงแค่ครั้งเดียว




นอกจากนี้ยังพบว่าบนชั้น 2 ของตึกแถว มีบางห้องที่มีโซ่ล่ามเอาไว้ที่ประตู และในห้องที่ 13 มีคุณตาอายุ 69 ปีที่ถูกล่ามโซ่ล็อคข้อเท้าเอาไว้ นอนอยู่ภายในห้องที่มีเพียงเบาะกับหมอน โดยคุณตาบอกกับทีมข่าวว่า มาอยู่ที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว น้องสาวพามาอยู่ และตนก็ถูกล่ามโซ่แบบนี้ไว้ตลอด 24 ชั่วโมงมาตั้งนานแล้ว ซึ่งคนที่เอาโซ่มาล็อค ตนก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ไม่ได้บอกว่าล็อคไว้ทำไม ตนเคยบอกให้เอาออก เขาก็ไม่ตอบอะไร ซึ่งคุณตาบอกว่า อยากเอาโซ่ออกเพราะไม่เคยได้เดินออกไปข้างนอกเลย


ด้าน นางสาวบุ๋ม หัวหน้าคนงานที่ดูแลผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า ที่นี่เพิ่งย้ายสถานที่จากที่เดิมที่เป็นบ้านเดี่ยว อยู่ในหมู่บ้านภัสสร 13 ซอยสุวินทวงศ์ 86 ออกมาเช่าตึกแถวตรงนี้อยู่ชั่วคราวได้ประมาณ 3 เดือน


เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่บ้านเดี่ยว เจ้าของมีการต่อเติมโดยไม่แจ้งนิติบุคคล และยังมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ด้วย ทางนิติบุคคลหมู่บ้านก็เลยไล่ออกมา โดยให้เวลาขนย้ายแค่ 3 วัน ซึ่งมาเช่าที่นี่ เสียค่าเช่าเดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท นายจ้างก็บอกว่ากำลังยื่นขอใบอนุญาตอยู่ แต่ว่ายังไม่ได้ ส่วนที่เก่ายืนยันว่ามีใบอนุญาตถูกต้อง




ส่วนสาเหตุที่ต้องเอาโซ่มาล่ามผู้สูงอายุบางคนเอาไว้ เพราะบางคนก็มักจะพยายามหนีออกไปตอนกลางคืนซึ่งตนและคนงานก็ไม่สามารถที่จะดูแลไหว ตอนกลางคืนเลยต้องเอาโซ่มาล็อคประตูเอาไว้ ส่วนคุณตาที่ถูกโซล่ามไว้ที่เท้า เพราะว่าคุณตามักจะเดินไปเดินมาบางทีก็เดินลงมาเข้าห้องคนอื่นไปเข้าห้องผู้สูงอายุที่เป็นผู้หญิง ซึ่งถ้าไม่ล่ามไว้หากเกิดอะไรขึ้นมาต้นก็รับผิดชอบกับญาติผู้สูงอายุคนอื่นไม่ได้



โดยในวันนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้น และทีมแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้สูงอายุเบื้องต้น ก็ได้ประสานกับทางญาติของผู้สูงอายุให้มารับผู้สูงอายุกลับบ้าน โดยตอนนี้ยังเหลือผู้สูงอายุอีก 4 คนที่ไม่สามารถติดต่อญาติได้ ซึ่งทางอาสาเส้นด้ายจะรับไปดำเนินการหาสถานพยาบาลให้ต่อไป อีกทั้งอาสาเส้นด้าย ยังได้นำคีมมาตัดโซ่ให้กับคุณตาวัย 69 ปี ซึ่งเป็นการได้รับอิสรภาพและออกจากห้องไปอาบน้ำเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของคุณตา




ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับหนึ่งในญาติที่มารับผู้สูงอายุกลับบ้าน เปิดเผยว่า พาคุณแม่มาอยู่ที่นี่ได้ประมาณปีกว่าๆ แล้ว โดยค้นหาเจอจากในอินเตอร์เน็ต ก็เลยลองติดต่อมา คิดค่าดูแลสองเดือนแรกอยู่ที่เดือนละ 12,000 บาท


เนื่องจากตอนนั้นคุณแม่ยังต้องให้อาหารทางสายยางอยู่ และหลังจากที่เลิกใส่สายยาง ก็จ่ายค่าดูแลอยู่ที่เดือนละ 9,000 บาท ซึ่งตอนไปส่งคุณแม่ที่ที่เก่า ก็ดูปลอดโปร่งดี ดูโอเคกว่าที่นี่ โดยหลังจากนั้น ตนเคยไปเยี่ยมคุณแม่ 1 ครั้ง แต่พอมีโควิดทางศูนย์ฯ ก็ไม่ให้เยี่ยมอีกเลย เลยไม่ได้เจอคุณแม่มาเป็นปีแล้ว




ทั้งนี้ ตอนที่คุณแม่ถูกย้ายออกมาอยู่ที่ใหม่นี้ ตนไม่ได้รู้เรื่องเลย ทางศูนย์ฯ ไม่ได้แจ้ง ไม่รู้ว่าย้ายออกมาเมื่อไหร่ ซึ่งตนก็คิดว่าคุณแม่ยังอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด จนกระทั่งได้ส่งยาทางไปรษณีย์ไปให้คุณแม่ ทางศูนย์ฯ เลยติดต่อกลับมาบอกว่าเปลี่ยนที่อยู่แล้วให้ส่งยาไปใหม่


ซึ่งพอตนเองได้มาเห็นสภาพที่อยู่ของสถานดูแลผู้สูงอายุในวันนี้ก็รู้สึกตกใจ เพราะมันเหมือนห้องเช่ารายวัน ถ้ารู้แต่แรกว่าคุณแม่ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ตนก็จะพากลับบ้าน มาเห็นแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงแรก ๆ เคยถามแม่ว่าอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง แม่ก็เคยบอกเหมือนกันว่าถ้าทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะโดนตี แต่ตอนนั้นตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร


จนวันนี้ตอนที่มารับคุณแม่และได้เจอกัน แม่ก็น้ำตาไหล บอกว่าดีใจที่จะได้กลับบ้าน ส่วนกับทางเจ้าของศูนย์ฯ ตนติดต่อไปทางไลน์ แต่ยังไม่ตอบ ซึ่งก็อยากจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบคืนเงินค่าดูแลของเดือนนี้

คุณอาจสนใจ

Related News