เลขาสมช.นัดถกผ่อนคลายมาตรการ ชงศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้

สังคม

เลขาสมช.นัดถกผ่อนคลายมาตรการ ชงศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้

โดย panisa_p

19 ม.ค. 2565

33 views

เลขาธิการสมช.เผย นัดถกผ่อนคลายมาตรการชง “ศบค.ชุดใหญ่” พรุ่งนี้ หลังยอดติดเชื้อโควิดเริ่มทรงตัว เล็งปรับพื้นที่ - ใช้เทสต์แอนด์โกด้วยเงื่อนไขใหม่ที่รัดกุมขึ้น จ่อขยายพ.ร.ก. ฉุกเฉินอีก 2 เดือน แย้งข้อเรียกร้องผู้ปกครอง ยกเลิก ATK-ใส่หน้ากากในโรงเรียน เตือนไม่ป้องกันตัวเลขจะพุ่งเกินระบบสธ.รับไหว




พล.อ.พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) กล่าวถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้จะมีการประเมินภาพรวม เพื่อผ่อนคลายมาตรการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เนื่องจากผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับทรงตัว ทำให้ระบบการรักษาพยาบาลที่รองรับเข้าที่เข้าทาง อาทิ การปรับพื้นที่สีให้ประชาชนมีความคล่องตัวขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปีใหม่ พิจารณาปรับมาตรการต่างๆ ให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว จะเป็นหลักที่นำเม็ดเงินเข้าประเทศ



ส่วนเมื่อถามถึงระบบ เทสต์แอนด์โก จะมีการปรับเพิ่มเงื่อนไขหรือไม่ เลขาธิการสมช. กล่าวว่า เทสต์แอนด์โก เงื่อนไขที่สำคัญ คือ ในระยะเวลา 7 วันเราจะต้องหาวิธีการควบคุมผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้ได้ ส่วน 7 วันไปแล้วถือว่าปลอดภัย โดยย้ำว่า ครั้งแรกจะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR จากนั้นจะอยู่ในช่วงการควบคุมไว้สังเกต ซึ่งจะต้องมีระบบการติดตาม แต่ไม่ใช่การกักตัว ดังนั้นเราจะพิจารณามาตรการเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น และมีข้อกำหนดชัดเจนในวันที่ 5 และ 6 จะต้องตรวจหาเชื้อโดย RT-PCR ซ้ำ เมื่อปลอดภัยก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยได้



ขณะที่การพิจารณากรณีสถานบันเทิง ที่ขออนุญาตปรับรูปแบบเป็นร้านอาหารนั้น เลขาธิการสมช. กล่าวว่า จากนี้จะมีการทยอยเปิดต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องจัดทำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และเข้ารับการตรวจประเมินตามขั้นตอน





ส่วนเมื่อถามว่าจะพิจารณาปรับเพิ่ม 5 จังหวัดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า หลังก่อนหน้านี้มีการชะลอไว้ก่อนหรือไม่ เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ในวันนี้เราจะพิจารณา รวมถึงในส่วนของ 13 พื้นที่ย่อย แต่ต้องดูความพร้อมของพื้นที่ เช่น ด้านสาธารณสุข และคนในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามแนวทางที่กำหนด ที่สำคัญจะประเมินจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ มาประกอบการพิจารณาด้วย



เลขาธิการสมช.ยังกล่าวถึงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ว่า มีความจำเป็นต่อขยายออกไป เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่ผ่านมา ตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 6 พันคนต่อวัน เราอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อลดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้




ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ปกครองจำนวนหนึ่ง เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกการตรวจโควิด 19 ด้วย ATK และการบังคับสวมใส่หน้ากากในโรงเรียน เลขาธิการสมช. กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดและสำคัญมาก เพราะเราเห็นหลายประเทศทั่วโลกที่ติดเชื้อสูง แต่เราต้องดูศักยภาพ และลักษณะของสังคม เพราะฉะนั้น “ถ้าประเทศไทยไม่ช่วยกันใส่หน้ากากอนามัย ไม่ช่วยกันฉีดวัคซีน ไม่ช่วยกันตรวจเชื้อ โอกาสการแพร่เชื้อจะสูงมาก และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลเอาใจใส่สุขภาพ ระบบสาธารณสุขต่อประชาชน และหากเกิดปัญหาจะโกลาหลมากการรองรับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ช่วยกันสร้างความปลอดภัยต่อสถานที่ต่างๆ ก็จะกระทบต่อระบบสาธารณสุข “



ทั้งนี้ย้ำว่ากระทรวงศึกษาธิการ ได้รับแนวทางจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และทางโรงเรียนก็ได้พูดคุยกับผู้ปกครองหากมีข้อเสนอใด ก็สามารถประสานกระทรวงศึกษาธิการ มายังศปก.ศบค.ได้




คุณอาจสนใจ

Related News