วันที่ 14 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ร้อนแรงที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อกองทัพเมียนมาระดมยิงปืนครก ปืนกล ปืนเล็ก ขนาดต่างๆ ใส่กองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง เคเอ็นแอลเอกับกองทัพประชาชนส่วนหน้าหรือพีดีเอฟ ที่ฐานที่มั่นสำคัญบ้านผารูน้อย ส่วนหนึ่งของกองพลน้อย ที่ 6 ซึ่งตั้งอยู่ที่ตรงข้ามบ้าน แม่โกนเกน หมู่ที่ 9 ต.มหาวัน อ.แม่สอด ซึ่งฝ่ายชนกลุ่มน้อยก็มีการตอบโต้อย่างดุเดือด

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.10 น ของวันนี้ กองทัพเมียนมาต้องตัดสินใจส่งโดรนไร้คนขับจำนวน 1 ลำ เฮริคอปเตอร์กันชีพ พิฆาต MI-35 จากรัฐเซียอีก 3 ลำ ยิงถล่มใส่เป้าหมายที่มั่นกองกำลังกะเหรี่ยง ที่มีกำลังพลคอยยิงต้านทานใส่ทหารราบเมียนมา อยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายต้านทานจรวดที่ยิงจากเครื่องบินไม่ไหว ส่งผลทำให้ทหารกะเหรี่ยงสูญเสียจำนวนมาก บาดเจ็บอีกหลายราย หนีตายไปคนละทิศทาง หลังจากนั้นกองทัพเมียนมา ยังเปิดฉากยิงถล่มจากทหารปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง มีการยิงตอบโต้มาจากฝ่ายกะเหรี่ยงจน ถึงเวลา 17.30 น. ของวันนี้ เสียงปืนสงบลง

ขณะที่มีเครื่องบินเข้าโจมตีในฝั่งเมียนมา เหล่าบรรดานักเรียนลูกแรงงานชาวเมียนมาที่มาทำงานอยู่ในฝังไทย มีบ้านอยู่ตามตะเข็บชายแดน และมาเรียนที่โรงเรียนบ้านแม่โกนเกน ต้องหลบวิ่งไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้อาคารเรียนของโรงเรียนบ้านแม่โกนเกน เพราะหวั่นลูกกระสุนปืนจากการยิงไปมาระหว่างเครื่องบนบินวนไปมา อาจพลาดมาตกได้

ขณะที่ผู้ลี้ภัยสงครามที่อาศัยอยู่ริมน้ำเมยตรงข้ามวัดห้วยมหาวงค์ บ้านแม่โกนเกน ต.มหาวัน อ.แม่สอด ต้องขุดหลุมหลบภัยบริเวณริมแม่น้ำเมยเพิ่ม เนื่องจากหวั่นว่าจะมีการปะทะรอบใหม่อีกหรือไม่

ด้านกองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 346 แม่สอด ส่งรถยานเกาะ V 150 ติดปืนต่อสู่อากาศยาน ปืนครก เข้ารักษาการณ์บริเวณหน้าฐานที่มั่นและตามตระเขปชายแดน รวมทั้งไปยังจุดกักสัตว์ คอกวัว บ้านเมยโค้ง ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดปะทะกัน ที่มีผู้ลี้ภัยสงครามหลบอาศัยอยู่จำนวนมากกว่า 2,000 คน ป้องกันการทะลักหนีข้ามเข้ามาของทหารฝังตรงข้าม เนื่องจากฐานที่มั่นแตกราบคาบ