สมุทรปราการ ตำรวจท่องเที่ยวยศนายดาบ ยิงตัวเองเสียชีวิต คาดเครียดปัญหาหนี้สิน


เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2565 ร.ต.อ.เทิดภูมิ ดวงประทุม รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ที่หน้าบ้าน หมู่ที่ 13 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบ


ที่เกิดเหตุข้างม้าหินซึ่งอยู่ภายในรั้วหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบร่างของ ดาบตำรวจพิเชษฐ์ กุลมณี ผบ.หมู่กองกำกับ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 อายุ 52 ปี นั่งคอพับพิงกำแพงขาเหยียดยาวจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่กับพื้น ที่บริเวณขมับซ้ายมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนทะลุออกทางด้านขมับขวา โดยที่มือข้างซ้ายยังกำอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อบาเร็ตต้า สีดำ ขนาด 9 มม.อยู่ และพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่ในกองเลือดข้างตัว และที่บนม้าหินยังพบซองปืนวางอยู่ จึงประสานแพทย์โรงพยาบาลบางพลี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุ


จากการสอบถาม แม่ยายของผู้ตาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ประมาณ 5 โมงเย็น ขณะที่ตนกำลังกวาดเก็บอยู่หลังบ้าน ส่วน ดาบตำรวจพิเชษฐ์ ผู้เสียชีวิตนั่งคุยโทรศัพท์ อยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน อยู่ ๆ ตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นที่หน้าบ้าน 1 นัด จึงได้รีบออกมาดู พบว่าดาบตำรวจพิเชษฐ์ นั่งเสียชีวิตจมกองเลือดในลักษณะศีรษะพิงกำแพงรั้วบ้าน โดยที่ในมือซ้ายยังกำอาวุธปืนอยู่ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ


ขณะที่ ภรรยาของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อช่วงเย็น เวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้โทรศัพท์หาสามีเพื่อให้มารับที่ทำงาน เพราะวันนี้ตนไม่ได้ขับรถยนต์ไปทำงาน เนื่องจากสามีนำรถไปทำธุระ แต่สามีกลับบอกกับตนว่าเอารถเก๋งของตนไปจำนำและเอาเงินไปถ่ายปืนของหัวหน้าที่เอามาฝากขาย แต่สามีตนเอาไปจำนำไว้ ออกมาเพื่อเอาไปคืนเจ้าของ ตนจึงได้นั่งรถแท็กซี่กลับมาที่บ้านเอง แต่ก็มาพบว่าสามีใช้ปืนกระบอกดังกล่าวยิงตัวเองเสียชีวิต และพบจดหมายลาตายใส่อยู่ที่ตู้จดหมายที่ติดอยู่หน้าบ้าน โดยมีข้อความว่า ขอโทษและฝากดูแลลูกดีดี อย่าทำตัวไม่ดีเหมือนพ่อมัน ถามทุกข์สุขแม่พ่อที่โคราชด้วย


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ตายน่าจะเครียดปัญหาเรื่องเงิน ถึงขนาดเอาปืนที่หัวหน้าเอามาฝากขายไปจำนำ จึงมีการวางแผนเอารถของภรรยาไปจำนำเพื่อเอาเงินมาไถ่อาวุธปืนออกมาใช้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป