น้องชายร่ำไห้เรียกวิญญาณ เหยื่อเครนมรณะ ทับร่างจมดินดับสลด 1 เจ้าของไซต์งานพร้อมเยียวยา

อาชญากรรม

น้องชายร่ำไห้เรียกวิญญาณ เหยื่อเครนมรณะ ทับร่างจมดินดับสลด 1 เจ้าของไซต์งานพร้อมเยียวยา

โดย thichaphat_d

8 ธ.ค. 2564

749 views

เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) เกิดเหตุทาวเวอร์เครนก่อสร้างคอนโดมิเนียม ล้มทับห้องเช่าใกล้กับตลาดเสริมสุข ซอยปรียา อยู่ตรงข้ามธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.บางบ่อ ถนนรัตนราช อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (ชาวบ้านอาศัยอยู่ห้องเช่า)


บาดเจ็บ 3 ราย (ชาวบ้านอาศัยอยู่ห้องเช่า 2 ราย / คนขับเครน 1 ราย ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบ่อ และกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบางบ่อ


ผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายเฉลิม จำนงค์ หรือ เบาหวิว อายุ 48 ปี อาชีพขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างบางบ่อ 2 เบอร์ 33 ข้างตลาดเสริมสุข อาศัยอยู่คนเดียวในห้องเช่าเลขที่ 15 สภาพร่างแหลกเหลว ชิ้นส่วนอวัยวะต่าง ๆ กระจัดกระจายบนถนนหน้าห้องแถว กระเด็นติดตามรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้เคียง


เลือดกระเด็นติดรถกระบะที่จอดอยู่หน้าห้องเช่า เนื่องจากถูกแผ่นปูนที่ใช้ถ่วงน้ำหนักเครนหล่นทับร่าง กู้ภัยได้นำอุปกรณ์ตัดถ่างและใช้จอบขุดเปิดหน้าดิน บริเวณจุดที่แผ่นปูนหล่นทับผู้ตายอยู่ใต้ซากเครน


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้นำชุดแก๊สมาตัดตัวเครนให้หลุดออกไปและนำรถแบคโฮ มาขนแท่นปูนถ่วงน้ำหนักออกไป เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา นำผ้าขาว กระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุมร่างและชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย ก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจพิสูจน์


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่าห้องเช่าดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องแถวชั้นเดียวจำนวน 16 ห้อง มีประชาชนพักอาศัยอยู่ เรียงเป็นแถวลึกเข้าไปอยู่ด้านหลังร้าน MR.KAN คาร์แคร์ พบเครนขนาดใหญ่ ล้มทับห้องแถวได้รับความเสียหายจำนวน 7 ห้อง คือห้องหมายเลข 10-16 ส่วนห้องที่เสียหายหนักพังยับเยินคือห้องหมายเลข 13 กับ 14


นางสาวพิยะดา คิอินธิ อายุ 22 ปี กับนายเอี่ยม กันธิยา อายุ 24 ปี สองสามีภรรยา ที่ได้รับบาดเจ็บ เล่านาทีระทึกว่า ตนพักอยู่ห้องแถวเลขที่ 13 เพิ่งเลิกงานกลับมา กำลังจะเข้านอน เพียงไม่ถึง 5 นาที เครนก็หลนทับห้องเช่าทันที ทำให้ตนกับภรรยาได้รับบาดเจ็บ ศีรษะแตก หน้าผากแตก แขนขา ถลอกเลือดไหล ข้าวของต่าง ๆ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในได้รับความเสียหาย ห้องเช่าพังจนอาศัยอยู่ไม่ได้


นายเอี่ยม กล่าวว่า หลังตั้งสติได้จึงรีบจูงแขนแฟนออกมาจากห้องทันที หาทางเอาชีวิตรอด และมีเจ้าหน้าที่นำตัวส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.บางบ่อ หมอทำแผลและให้กลับบ้าน จึงมาเก็บเสื้อของใช้ที่จำเป็นในห้องเช่าไปอาศัยอยู่โรงแรมชั่วคราว ซึ่งทางเจ้าของไซต์งานก่อสร้างจัดการหาสถานที่พักให้สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตอนนี้ยังตกใจไม่หาย เกือบเอาชีวิตไม่รอด ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก


สอบถามนางลัคนา แซ่โค้ว อายุ 50 ปี ผู้พักอาศัยอยู่ห้องแถวเลขที่ 14 เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงเครนกำลังทำงานอยู่ สักครู่มีเสียงสังกะสีดังเหมือนของหล่นใส่ห้องแถว เมื่อออกมาจากห้องน้ำ พบเครนทับหลังคาพังฝุ่นตลบไปหมด ส่วนลูกสาววัย 11 ขวบ อยู่ใต้ตู้เสื้อผ้าล้มทับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นแผลถลอกที่เท้า ซึ่งมีเครนทับอยู่ด้านบนหลังคา รอดตายหวุดหวิด จึงรีบพากันออกมาจากห้องเช่า


เมื่อ 2 วันก่อนตนยังคุยกับเพื่อนข้างห้องว่ากลัวเครนล้ม เพราะไซต์งานก่อสร้างอยู่ติดด้านหลังห้องแถว อีกทั้งไม่มีสแลนหรือผ้าใบมาปิดกั้นเศษหินหรือฝุ่น ซึ่งอาจร่วงหล่นใส่บ้านเรือนห้องเช่าละแวกนั้น มีการนำสแลนมากั้นเฉพาะบริเวณด้านล่างเท่านั้น ก่อนจะมาเกิดเหตุสลดขึ้น ตนเห็นร่างผู้เสียชีวิต ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เห็นชิ้นส่วนอวัยวะกระจายเต็มหน้าห้อง มาทราบภายหลังคือนายเฉลิม คนที่ตนเองรู้จักมักคุ้น รู้สึกเสียใจเขานิสัยดี


ผู้สื่อข่าวได้คุยกับนายบอย อายุ 35 ปี ชาวเวียดนามอาศัยห้องเช่าจุดเกิดเหตุ เล่าว่า หลังเกิดเหตุตนรีบวิ่งออกจากห้องมาดู เห็นชิ้นส่วนศพเกลื่อนหน้าห้อง และหัวใจกระเด็นมาตกหน้าห้อง ทีแรกไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร พอทราบว่าเป็นนายเฉลิม ก็ตกใจและเสียใจ นายเฉลิม ไม่เคยก้าวร้าวกับใคร


ก่อนเกิดเหตุตนเจอนายเฉลิมหน้าห้อง เขาบอกจะไปซื้อส้มตำ ปลาดุกย่างมากิน โดยนายเฉลิมลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้อง จึงเดินย้อนกลับมาเอา ยังไม่ทันถึงห้อง ยังไม่ทันได้กินส้มตำ ปลาดุกย่าง ก็มาเกิดเหตุสลดขึ้นเสียก่อน


หลังจากที่กู้ภัยเก็บร่างนายเฉลิมไปแล้ว นายบอย ได้ซื้อข้าวกล่องผัดกระเพราหมูสับ น้ำดื่ม ไปวางใกล้กับจุดที่นายเฉลิม เสียชีวิต จุดธูป 1 ดอก ยกมือไหว้บอกกับดวงวิญญาณของนายเฉลิมว่า “ส้มตำยังไม่ได้กิน ขอให้กินกระเพราหมูสับไปก่อน” ตนคิดว่านายเฉลิม คงหิวข้าวยังไม่ได้กินข้าว จึงอยากให้นายเฉลิม กินข้าวให้อิ่ม


ขณะที่นายวันรบ จำนงค์ อายุ 41 น้องชายของผู้ตาย หลังทราบข่าวพี่ชายเสียชีวิต รีบเดินทางมาจาก จ.ปทุมธานี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า “ผมทิ้งพี่ชายอยู่คนเดียว” ตนกับพี่ชายแยกย้ายกันมาทำงาน ซึ่งพี่ชายเป็นโรคเบาหวาน ก่อนหน้านี้ครอบครัวอยากให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครสวรรค์ แต่พี่ชายไม่ยอมไป พอเกิดเหตุก็เสียใจและตกใจ


เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ยังคุยกันกับพี่ชาย บอกว่าปีใหม่ให้กลับไปเที่ยวบ้าน พี่ชายก็ยังไม่รับปากเลย สุดท้ายพี่ชายได้กลับบ้านสภาพร่างไร้วิญญาณ ก่อนที่น้องชายจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ตนอยากจะขอให้พี่คนเป็นศพสุดท้ายที่ต้องเสียชีวิต ทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายประมาท


หลังจากนี้ก็จะนำร่างพี่ชายกลับบ้านเกิด จ.นครสวรรค์ เพื่อบำเพ็ญุกุศล ตอนนี้แม่ที่ต่างจังหวัด อายุ 70 กว่าปี รู้เรื่องแล้วยังช็อคกันอยู่เพราะทำใจไม่ได้ จากนั้นนายวันรบ เดินไปจุดที่พี่ชายเสียชีวิต นั่งร้องไห้ แล้วพูดว่า “พี่ครับผมมารับพี่กลับบ้าน” แล้วยกมือไหว้


ด้านหัวหน้าคนงาน ระบุว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในช่วงที่เครื่องจักรกำลังทำงาน เป็นช่วงที่คนงานกำลังเก็บกวาด ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ยืนยันว่าขณะเกิด เหตุมีวิศวกรควบคุมงานอยู่ในพื้นที่ และปกติจะมีการตรวจเช็คสภาพของเครืองจักรอุปกรณ์ทุกวันอยู่แล้ว


ที่ผ่านมาเครนตัวนี้ยังไม่เคยมีปัญหามาก่อน ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุเกิดจาก อะไร ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนวิเคราะหืหาสาเหตุ ตนมีหน้าที่คุมคนงานก่อสร้างเท่านั้น


นายชาลี สิทธิเมืองขวา คนขับเครนอีกรายที่ไม่ได้ประสบเหตุ เผยว่า เจ้าของไซต์งานฯ แจ้งว่า พร้อมดูแลเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกราย ฝากขอโทษผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุขึ้น สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากฐานเครนทรุดเนื่องจากดินยุบตัว ทำให้เครนรับน้ำหนักไม่ไหวจึงล้มทับห้องแถว สำหรับเครนตัวนี้มีคนขับ 2 คน ตนกับนายสิริราช ซึ่งบาดเจ็บ โดยขณะเกิดเหตุนายออย เป็นคนขับเครน ส่วนตนเองยืนอยู่ใต้อาคาร


พ.ต.อ.ศุภกร บูรณะภักดีตระกูล ผู้กำกับการ สภ.บางบ่อ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น สาเหตุเกิดจากดินยุบตัว ทำให้เครนของบริษัท คอนสตรักชั่นไลน์ ที่กำลังก่อสร้างคอนโดมิเนียม 5 ชั้น จำนวน 79 ห้อง ดำเนินการก่อสร้างมาประมาณ 5 เดือน ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ล้มลงมาทับห้องเช้าของประชนชนได้รับความเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต


ด้าน ร.ต.อ.จักร์ทอง คำมาพล พนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องรอให้ทางเจ้าของไซต์งานเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะต้องให้พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง ว่าเกิดจากความประมาทในการติดตั้งเครนหรือไม่ หรือติดตั้งถูกต้องแต่เกิดจากภัยธรรมชาติ เนื่องจากพื้นดินอาจมีความชื้นจากน้ำท่วมและทำให้ดินเหลวลงจนเครนทรุดตัว



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Q3xdRPQkrbY

คุณอาจสนใจ

Related News