พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปน ประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันนี้ เวลา 15.24 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเอมิลีโอ เด มิเกล กาลาเบีย ( Mr.Emilio de Miguel Calabia) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่

ต่อมา เวลา 16.34 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย

อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกิดขึ้นจากพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แนวพระราชดำริ ผ่านองค์ความรู้ เรื่อง "ป่าและน้ำ"

ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบสวน และเป็นสถานที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญของมนุษย์กับธรรมชาติ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ อีกทั้งเป็นสถานที่ศึกษาสิ่งแวดล้อม

โดยสร้างบนพื้นที่เดิมของ "สนามม้านางเลิ้ง" ที่ดินในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้เป็นสวนสาธารณะ ครอบคลุมพื้นที่ 279 ไร่ มีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นศูนย์กลางของอุทยานเฉลิมพระเกียรติ ฯ

นอกจากนี้มีแนวคิด การออกแบบที่เกี่ยวข้อง อาทิ สระน้ำรูปเลข 9 และสวนป่าธรรมชาติ ที่สอดรับกับแนวคิดเรื่องป่าและน้ำ สะพานหมายเลข 9 สะพานไม้เจาะบากง จำลองสะพานไม้ จากบ้านเจาะบากง อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส

ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานเมื่อปี 2524 และแก้มลิง พื้นที่รองรับน้ำในยามวิกฤตอุทกภัย ส่วนพรรณไม้ที่ปลูก เป็นไม้ที่มีความหมาย และมีประโยชน์ อาทิ พืชกรองฝุ่น ไม้โตเร็ว เพื่อสร้างร่มเงา ต้นไม้ประจำจังหวัด ไม้หายาก และพืชบำบัดน้ำ สร้างระบบนิเวศ ที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

รวมทั้งมีลานกิจกรรม ที่ใช้พลังงานทดแทน รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ บริหารจัดการ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน โดยการจัดสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567

ในการเสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ครั้งนี้ มีราษฎรจำนวนมาก ไปรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ภายในบริเวณพื้นที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ฯ และตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน

โดยราษฎรต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงชาติ โบกธงพระปรมาภิไธย "ว.ป.ร." และธงพระนามาภิไธย "ส.ท." พร้อมเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" อย่างกึกก้องด้วยความจงรักภักดี ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาล และหน่วยสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ออกให้บริการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้น

กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้ตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎร ที่ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ข้าราชการ เอกชน และประชาชนที่เข้าร่วมในพิธี ได้ร่วมปลูกต้นไม้เพิ่มเติม เพื่อให้ทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริม ให้อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ฯ เป็นสถานที่ศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างคุณภาพชีวิต พัฒนาร่างกายและจิตใจ เป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร

พร้อมทั้งได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจ และแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร