ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทำให้แต่ละจังหวัดออกประกาศเตือนให้ระวังน้ำป่า และผู้อาศัยริมคลองให้ขนย้ายข้าวของขึ้นหนีน้ำ

น้ำป่าที่ไหลจากเทือกเขาหลวงลงมาอย่างแรงทำให้สะพานวัดวอ หมู่ที่ 2 ตำบลท่าดี อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราชขาด สำหรับสะพานวัดวอแห่งนี้เป็นเส้นทางลัดไปอำเภอลานสกา มีชาวบ้านที่ใช้เป็นประจำ5หมู่บ้าน ประมาณ 300ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ พบว่ามวลน้ำได้ไหลล้นเข้าคลองนาป่า คลองวังรัก ริมถนนสายนครศรีธรรมราช ทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนหมู่ที่5บ้านวังรัก ตำบลไชยมนตรี อำเภอเมืองก่อนที่จะไหลเข้าเมือง ในขณะที่คลองทุกคลองในตัวเมืองขึ้นธงแดงแล้วทุกแห่ง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยตามริมคลองพื้นที่รับน้ำ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์การณอย่างใกล้ชิด พร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

ส่วนที่พัทลุง เกิดน้ำป่าไหลหลากซัดที่พักในรีสอร์ท ในพื้นที่ตำบลคลองทรายขาว พังเสียจำนวน 5 แห่ง ถนนภายในหมู่บ้านขาด และสัตว์เลี้ยงสูญหายจำนวนมาก น้ำยังได้ไหลหลากท่วมถนนสายเพชรเกษม ช่วงจังหวัดพัทลุง – จังหวัดตรังหลายจุด เกิดน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายพื้นที่ ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัย วันที่ 2 ธันวาคม มีพื้นที่น้ำท่วมรวมจำนวน 5 อำเภอ 11 ตำบล 28 หมู่บ้าน

ไปที่จังหวัดตรัง ชาวบ้าน ม.4 บ้านโคกทรายเหนือ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง จำนวน 120 ครัวเรือน ซึ่งถูกน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัดเข้าท่วมบ้าน ตั้งแต่เมื่อช่วงตีของคืนที่ผ่านมา ยังคงเร่งขนย้ายข้าวของที่เสียหายจากน้ำท่วม ออกมาทำความสะอาดและนำไปเก็บไว้ที่ปลอดภัย

ขณะที่บางหลังคาเรือนข้าวของและทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด เพราะขนย้ายไม่ทัน วันนี้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ พร้อมประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว เบื้องต้นพบว่า มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งตำบล ประมาณ 500 ครัวเรือน โดยเฉพาะ ม.4 ถือว่าประสบภัยหนักสุด 120 ครัวเรือน ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้น พบมีรถยนต์เสียหาย จำนวน 15 คัน รถจักรยานยนต์ 40 คัน วัวตาย 7 ตัว และควายถูกกระแสน้ำพัดหาย 1 ตัว สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ หลายจังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพร , นครศรีธรรมราช , สุราษฎร์ธานี พัทลุง และจังหวัดตรัง